กัมพูชาจี้‘ไบเดน’แสดงความจริงใจพบฮุนเซนที่วอชิงตัน

ตามที่กัมพูชาเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ และอาเซียนจะประชุมผู้นำร่วมกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค.นาย Kao Kim Hourn รัฐมนตรีและที่ปรึกษาคนสนิทของนายกรัฐมนตรีฮุนเซนแห่งกัมพูชา เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนการพบปะกันเป็นรายบุคคล เป็นการประชุมในนามอาเซียน 8 ประเทศโดยไม่มีผู้นำเมียนมาเข้าร่วมด้วยจากเหตุรัฐประหารเมื่อปีก่อน ส่วนฟิลิปปินส์อยู่ในช่วงเปลี่ยนรัฐบาล

นาย Kao Kim Hourn กล่าวด้วยว่า ผู้นำอาเซียนควรได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพและเท่าเทียม และได้รับโอกาสให้ใช้เวลาอันมีประโยชน์กับไบเดน

“ในฐานะประเทศใหญ่ ประเทศเจ้าภาพ สหรัฐควรเอื้อเฟื้อต่อแขก ซึ่งก็คือผู้นำที่กำลังเดินทางไปกรุงวอชิงตัน โดยเฉพาะในช่วงที่ประธานาธิบดีไบเดนกำลังพูดถึงการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ให้ครอบคลุม” รัฐมนตรีกัมพูชาหมายถึงข้อเสนอเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างรัฐบาลวอชิงตันกับอาเซียนเขาเชื่อว่า เป็นวิถีปกติที่ประธานอาเซียนจะได้พบกับผู้นำประเทศเจ้าภาพ “ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ เพื่อได้หารือกันบ้าง”

อย่างไรก็ตาม เขาได้รับแจ้งจากนายแพทริก เมอร์ฟีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกัมพูชาว่า เท่าที่นายเมอร์ฟีย์ทราบ การประชุมผู้นำอาเซียน-สหรัฐ ไม่มีกำหนดการประชุมทวิภาคีเนื่องจากประธานาธิบดีไบเดน “งานยุ่ง”

รอยเตอร์สอบถามไปยังทำเนียบขาวยังไม่ได้รับคำตอบเรื่องความเห็นของนาย Kao Him Hourn แต่นางสาวเจน ซากี โฆษกทำเนยบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำอาเซียนในวันที่ 12 พ.ค. แล้วร่วมประชุมผู้นำที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐในวันที่ 13 พ.ค. การประชุมครั้งนี้ “จะยอมรับบทบาทความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในการให้ทางออกที่ยั่งยืนแก่ความท้าทายที่กำลังกดดันในภูมิภาค และรำลึกความสัมพันธ์45 ปี สหรัฐ-อาเซียน”

ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่การประชุมผู้นำอาเซียนจัดขึ้นในกรุงวอชิงตัน และเป็นการเยือนทำเนียบขาวครั้งแรกของฮุนเซน ผู้ปกครองกัมพูชามาตั้งแต่ปี 2528 ถูกสหรัฐวิจารณ์บ่อยครั้งเรื่องปราบปรามคนเห็นต่างและจำคุกฝ่ายค้าน

นาย Kao Kim Hourn กล่าวด้วยว่า การที่กัมพูชามีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใกล้ชิดกับจีน ไม่ได้เป็นการเลือกข้างระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง การลงทุนของสหรัฐในกัมพูชากำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาเซียนร่วมมือกับทั้งสหรัฐและจีนภายใต้หลักการ “เสมอหน้า”

บรรดานักวิเคราะห์และนักการทูตกล่าวว่า ประเทศอาเซียนต้องการกระชับสัมพันธ์กับสหรัฐ แต่ต้องผิดหวังเมื่อสหรัฐไม่มีรายละเอียดแผนการเข้ามีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจหลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงการค้าในภูมิภาคนี้