ดาวโจนส์ทะยาน 618 จุดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มแบงก์

ดาวโจนส์ทะยาน 618 จุดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มแบงก์

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(23พ.ค.)ทะยานขึ้น 618 จุดเพราะได้แรงหนุนจากภาคธนาคาร โดยหุ้นกลุ่มธนาคารที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ดีดตัวขึ้น 5.1%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 618.34 จุด หรือ 1.98% ปิดที่ 31,880.24 จุด

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 72.39 จุด หรือ 1.86% ปิดที่ 3,973.75 จุด

ดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 180.66 จุด หรือ 1.59% ปิดที่ 11,535.28 จุด

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ดีดตัวขึ้น 5.1% หลังเจพี มอร์แกน เชส สถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มแนวโน้มรายได้จากอัตราดอกเบี้ยในปีปัจจุบัน

ทั้งนี้ การประมาณการดังกล่าวช่วยดันหุ้นของเจพี มอร์แกน เชส ปิดบวกถึง 6.2%

 

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 2.9%ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดิ่งลง 3.0% และดัชนีแนสแด็ก ทรุดตัวลง 3.8% โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8 ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2466 ขณะที่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 7 ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2544

นอกจากนี้ ตลาดจับตารายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 3-4 พ.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธ เพื่อหาทิศทางอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) ของเฟด

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

ขณะเดียวกัน เฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน