ดาวโจนส์ร่วงในกรอบแคบ 46.40 จุดเหตุนลท.มองเศรษฐกิจสหรัฐยังแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์ (8ก.ค.)ปรับตัวร่วงลงในกรอบแคบ 46.40 จุด ขณะที่นักลงทุนขานรับตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 46.40 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 31,338.15 จุด
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วง 0.08% ปิดที่ 3,899.38 จุด
ดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 0.12% ปิดที่ 11,635.31 จุด
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 372,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 250,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานดังกล่าวถือเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงได้ชะลอลง ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงในช่วงแรก โดยถูกกดดันจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นเกินคาดจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่พุ่งขึ้นเกินคาดในวันนี้
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 91.5% ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานดังกล่าว
ด้านเฟดสาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.9% ในไตรมาส 2/65 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 2.1%
ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% และแสดงว่าสหรัฐเข้าเกณฑ์นิยามของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ในวันที่ 28 ก.ค. ซึ่งจะเป็นการยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่
เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งเป็นข้อมูลเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อเฟด
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์หน้า โดยเริ่มจากธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐซึ่งจะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันที่ 14-15 ก.ค.