ดาวโจนส์บวก 436 จุดรับเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75%ตามคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 436.05 จุด หรือ 1.37% ปิดที่ 32,197.59 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 102.56 จุด หรือ 2.62% ปิดที่ 4,023.61 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 469.85 จุด หรือ 4.06% ปิดที่ 12,032.42 จุด

ราคาหุ้นโบอิงพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันนี้ หลังบริษัทยืนยันว่าจะกลับมามีกระแสเงินสดเป็นบวกในปีนี้ แม้มีการเปิดเผยตัวเลขขาดทุนมากกว่าคาด และรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2
ส่วนบริษัทฟอร์ด, ควอลคอมม์ อิงค์ และเมตา แพลตฟอร์มจะรายงานผลประกอบการหลังจากปิดตลาดวันนี้

ขณะนี้บริษัทมากกว่า 150 แห่งในดัชนีเอสแอนด์พี 500 เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งราว 70% ในจำนวนดังกล่าวได้รายงานกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% ความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งปรับขึ้น 0.75% ในเดือนที่แล้ว ในความพยายามควบคุมเงินเฟ้อ

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ถือเป็นการดำเนินการที่เข้มงวดที่สุดของเฟด นับตั้งแต่กำหนดให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นเครื่องมือสำคัญด้านนโยบายการเงินในช่วงทศวรรษ 1990 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 2.25-2.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี2561

ถ้อยแถลงของเฟดส่งสัญญาณว่าอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป รวมทั้งปรับลดขนาดงบดุล ขณะที่ระบุว่า การใช้จ่ายและการผลิตได้ชะลอตัวลง แต่การจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐในวันนี้ หลังจากเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าจีดีพีหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1

ผลการสำรวจของสำนักข่าวดาวโจนส์ระบุว่านักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1% ในไตรมาส 2

อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่คาดการณ์ในวันที่ 15 ก.ค.ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.5%

ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ทั้งในไตรมาส 1 และ 2 ซึ่งแสดงว่าสหรัฐเข้าเกณฑ์นิยามของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันนี้ ก่อนที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 2