ดาวโจนส์ร่วงในกรอบแคบ 85 จุด-นลท.เทขายลดความเสี่ยง
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(4 ส.ค.)ร่วงลง 85 จุด ขณะที่นักลงทุนพากันขายหุ้นลดความเสี่ยงก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์(5ส.ค.)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 85.68 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 32,726.82 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.08% ปิดที่ 4,151.94 จุด ส่วนดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 0.41% ปิดที่ 12,720.58 จุด
การซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถูกกดดัน หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสูงสุดในรอบเกือบ 8 เดือน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 260,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2564
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่า 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ ซึ่งอาจบ่งชี้แนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 258,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าระดับ 372,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ขณะที่คาดว่าอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6%
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.9% ในไตรมาส 2 หลังจากหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 ซึ่งการที่เศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค
อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตลาดแรงงาน
ด้านธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ พร้อมกับเตือนว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566
บีโออี ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยนานถึง 5 ไตรมาส ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจโลกเผชิญวิกฤตการเงิน โดยรายได้ในภาคครัวเรือนของอังกฤษจะทรุดตัวลงอย่างหนักในปี 2565-2566 ขณะที่การบริโภคเริ่มหดตัว