บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ยอดขายไตรมาส2ร่วง
บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ของโลกหลายแห่ง ยอดขายลดลงในไตรมาสสอง เนื่องจากผู้คนใช้เวลากับเกมน้อย ปัญหาเงินเฟ้อและความขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก
ในรอบสามเดือนสิ้นสุดเดือน มิ.ย. ทั้งไมโครซอฟท์ โซนี่ และนินเทนโดมีผลประกอบการธุรกิจเกมอย่างน่าผิดหวัง ตัวเลขสะท้อนภาพในวงกว้างถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคต่อวีดิโอเกม
ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด “เอ็นพีดี” ชี้ว่า ในไตรมาสสองชาวอเมริกันใช้เงินไปกับเกม 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งการผ่อนคลายข้อจำกัดโควิด ประชาชนเมินความบันเทิงในบ้านหันไปทำกิจกรรมนอกบ้าน รวมถึงการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์
รายได้จากเกมทั้งหมดของไมโครซอฟท์ร่วง 7% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ยอดขายเอ็กซ์บ็อกซ์คอนโซลลดลง 11% ขณะเดียวกันรายได้จากคอนเทนท์เกมและบริการต่าง ๆ ดิ่งลง 6%
โซนี่รายงานยอดขายเกมในช่วงไตรมาสสองร่วง 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงเกือบ 37% นอกจากนี้บริษัทยังออกคาดการณ์ไม่สดใส ตัดคาดการณ์กำไรทั้งปีลง 16%
เหตุผลหลักคือ ผู้คนใช้เวลากับเกมน้อยลงออกไปข้างนอกมากขึ้น จำนวนเวลาเล่มเกมวัดจากผู้เล่นเพลย์สเตชันลดลง 15% ต่ำกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ตอนแรกมาก
ส่วนนินเทนโดมีกำไรจากการดำเนินงานช่วงไตรมาสสองลดลง 15% ซึ่งบริษัทโทษว่าเป็นเพราะความขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก บริษัทจึงไม่สามารถผลิตและขายสวิตช์คอนโซลได้ตามต้องการ ยอดขายสวิตช์คอนโซลแบบพกพามีเพียง 3.34 ล้านเครื่องในไตรมาสสอง ลดลง 23% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และยอดขายซอฟแวร์ตกต่ำลง 8.6% หรือ 41.4 ล้านหน่วย และการลดลงของยอดขายเกมคอนโซลยังส่งผลกระทบต่อการปล่อยเกมใหม่ให้ล่าช้าไปอีก
และจากข้อมูลของนักวิเคราะห์แอมแปร์ ระบุ ตลาดเกมและบริการเกมทั่วโลกคาดว่าจะหดตัวลง 1.2% เมื่อเทียบปีเป็นรายปีสู่ระดับ 1.88 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ เป็นการลดลงแบบรายปีในรอบสิบปี เปียร์ส ฮาร์ดดิง-โรลส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยแอมแปร์เผยกับซีเอ็นบีซีว่าปัญหาค่าครองชีพกดทับ ทำให้เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับครัวเรือน ซึ่งอาจกระทบต่อสินค้าราคาแพงรวมถึงฮาร์ดแวร์คอนโซล