ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังเฟดเผยรายงานประชุม
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (17 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ลดลง
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.07% แตะที่ระดับ 106.5760
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 135.06 เยน จากระดับ 134.22 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9515 ฟรังก์ จากระดับ 0.9499 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2898 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2848 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.0185 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0172 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2064 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2090 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6943 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7022 ดอลลาร์สหรัฐ
รายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 ก.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงที่สุดเท่าที่จำเป็น จนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ แต่ในขณะเดียวกัน เฟดก็ส่งสัญญาณว่าอาจจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยตระหนักว่าเศรษฐกิจของสหรัฐในขณะนี้มีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง
นักวิเคราะห์จากบริษัทสปาร์ตัน แคปิตอล ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า "เฟดยังคงมีจุดยืนในการดำเนินนโยบายการเงินแบบสายเหยี่ยว (Hawkish) แต่ในขณะเดียวกันเฟดก็เปิดประตูให้กับโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. มากกว่าที่จะปรับขึ้นรุนแรงถึง 0.75%"
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือนก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนมิ.ย. โดยยอดค้าปลีกในเดือนก.ค.ได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงของสถานีบริการน้ำมันอันเนื่องจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน
ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยการเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า