ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 322 จุดขานรับตัวเลขเศรษฐกิจสดใส
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(25ส.ค.)ปรับตัวขึ้น 322 จุด ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสในวันนี้ โดยเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.6% ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งระบุว่าจีดีพีหดตัว 0.9%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 322.55 จุด หรือ 0.98% ปิดที่ 32,291.78ด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 58.35 จุด หรือ 1.41% ปิดที่ 4,199.12 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 207.74 จุด หรือ 1.67% ปิดที่ 12,639.27 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ในวันนี้ โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.6% ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งระบุว่าจีดีพีหดตัว 0.9%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 243,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 255,000 ราย
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งเริ่มขึ้นในวันนี้ และสิ้นสุดลงในวันที่ 27 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
สำหรับหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ "Reassessing Constraints on the Economy and Policy" โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันพรุ่งนี้ (26 ส.ค.) เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย
ในการแถลงต่อสภาคองเกรสก่อนหน้านี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดมีความมุ่งมั่น 'อย่างไม่มีเงื่อนไข' ในการรักษาเสถียรภาพของราคา ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดพร้อมรับความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายจากการที่เงินเฟ้อไม่สามารถควบคุมได้จนทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาว
ทั้งนี้ การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮลในสัปดาห์นี้ กล่าวว่า ยังคงเร็วเกินไปที่จะระบุว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75% ในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดี นางจอร์จย้ำว่า "เรามีภารกิจที่ชัดเจนในการทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย โดยเราจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงเพียงพอที่จะแก้ไขภาวะไร้สมดุลด้านปัจจัยพื้นฐานระหว่างอุปสงค์สำหรับสินค้าและความสามารถในทางเศรษฐกิจที่จะผลิตสินค้าดังกล่าว"
นางจอร์จระบุว่า แม้ว่านโยบายเฟดจะส่งผลให้การว่างงานพุ่งสูงขึ้น และกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ แต่สิ่งนี้จะไม่ทำให้เฟดยุติการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน
นางจอร์จกล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 4% เพื่อให้บรรลุผลที่ต้องการ และอัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวในระดับสูงเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวเช่นกันว่า "ในขณะนี้ ผมคงต้องโยนเหรียญหัวก้อยเพื่อตัดสินว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75%"
อย่างไรก็ดี นายบอสติกกล่าวว่า หากเฟดได้รับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เฟดก็อาจปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย.
นายบอสติกยืนยันว่า เขามีความมุ่งมั่นที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง และจะยังไม่ปรับลดลง จนกว่าเงินเฟ้อจะไปสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2%