‘ติ๊กต็อก’ แอปทรงอิทธิพลต่อวงการเพลง-แพลตฟอร์มสตรีมเพลง

"ทาเทียนา ซิริซาโน" นักวิเคราะห์และที่ปรึกษาอุตสาหกรรมเพลงของมีเดียรีเสิร์ช ให้ความเห็นว่า หากเพลงใดโด่งดังในติ๊กต็อก แม้ศิลปินไม่ได้อนุญาต ผลที่ตามมาคือ เพลงนั้นจะได้รับยอดสตรีมนับล้านในสปอติฟาย (Spotify) อยู่ดี เพราะคลิปต่าง ๆ จะนำพาให้คนไปค้นหาเพลงและศิลปินต่อไป 

ดังนั้น ในภาคอุตสาหกรรมเพลงที่เงินดอลลาร์หมุนเวียนอยู่ตลอด ติ๊กต็อกจึงถือเป็นอิทธิพลหลักที่สามารถผลักดันผู้ฟังให้ใช้บริการแอ็ปเปิ้ลมิวสิกและสปอติฟายต่อไป

จากรายงานเพลงติ๊กต็อก ประจำปีเผยว่า ในปี 2564 เพลงที่เป็นที่นิยมในติ๊กต็อกกว่า 175 เพลง ติดชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 อันดับแรก อย่างน้อย 2 ครั้ง ความสำคัญของติ๊กต็อกจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีคนสมัครใช้แอปนับพันล้านคน และจากผลสำรวจของสำนักวิจัยพิว พบว่า วัยรุ่นสหรัฐ 67% ใช้แอปติ๊กต็อก 

จากนั้นจะเห็นได้ว่า อุตสาหกรรมโซเชียลมีเดียอื่น ๆ พยายามปรับลูกเล่นให้ตามทันติ๊กต็อกด้วย เช่น เฟสบุ๊คของบริษัทเมตาได้ลงทุนสร้างแพลตฟอร์มวีดิโอแบบสั้นหรือ รีลส์ (Reels)ที่มีการใช้งานคล้ายกัน

ทั้งนี้ ติ๊กต็อก สามารถทำเงินเพิ่มขึ้นในฐานะผู้นำทางอุตสาหกรรมเพลงได้เช่นกัน โดยเมื่อเดือน พ.ค. ไบท์แดนซ์ได้จดทะเบียนการค้า ‘ติ๊กต็อกมิวสิก’ ในสหรัฐ เป็นบริการฟังเพลง แชร์เพลง ซื้อเพลงและดาวน์โหลดเพลง คล้ายแอ๊ปเปิลและสปอติฟาย แต่ยังไม่เผยละเอียดมากกว่านั้น และปัจจุบันติ๊กต็อกมีหุ้นส่วนธุรกิจเพลงและได้ทำข้อตกลงกับค่ายเพลงใหญ่แล้วในระหว่างปี 2563-2564 เช่น ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป, วอร์เนอร์มิวสิก กรุ๊ปและโซนี มิวสิกเอ็นเตอร์เทนเมนท์

ซิริซาโน ให้ความเห็นว่า ปกติศิลปินต้องพึ่งพาค่ายเพลงในการทำการตลาด แต่ด้วยพลังของติ๊กต็อก ศิลปินสามารถโปรโมทเพลงได้กว้างขวางมากกว่าการโปรโมทด้วยตนเอง และสามารถเพิ่มจำนวนผู้ติดตามหรือแฟนคลับได้มากขึ้น โดยไม่ต้องให้ค่ายเพลงช่วยเหลือ ซึ่งในสมัยก่อนแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ศิลปินจะมีคนรู้จักมากมายเท่ายุคโซเชียลมีเดีย

อย่างไรก็ตาม ค่ายเพลงยังเป็นคนสำคัญในอุตสาหกรรมดนตรี แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของทั้งหมด ตอนนี้ศิลปินสามารถเพิ่มเพิ่มยอดขายเพลงและฐานแฟนคลับ รวมไปถึงโกยแฟนคลับเข้าคอนเสิร์ตให้ครึกครื้นมากขึ้นได้ ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานผ่านแอปติ๊กต็อก