เปิดสารพัดความท้าทาย "กษัตริย์ชาร์ลสที่ 3" แห่งอังกฤษ
เว็บไซต์รอยเตอร์ ได้รวบรวมความท้าทายต่าง ๆ ที่สมเด็จพระเจ้าชาร์ลสที่ 3 จะทรงเผชิญในรัชสมัยใหม่ของอังกฤษ นับตั้งแต่กรณีที่เจ้าชายแอนดรูว์ พระอนุชา ทรงถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับกรณีล่วงละเมิดทางเพศ ไปจนถึงข้อกล่าวหาว่ามีการเหยียดเชื้อชาติในราชวงศ์อังกฤษ
เจ้าชายแอนดรูว์ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์โปรดด้วย โดยเมื่อปี 2562 เจ้าชายแอนดรูว์ทรงยุติการปฏิบัติพระกรณียกิจ หลังประทานบทสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพระองค์กับเจฟฟรีย์ เอ็ปสตีน นักลงทุนชาวอเมริกันผู้ล่วงลับและผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดทางเพศ
เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าชายแอนดรูว์ทรงถูกริบพระยศทางทหารกิจการในพระราชูปถัมภ์ที่ทรงดูแลอยู่ รวมทั้งทรงสละพระยศ Royal Highness ในเดือนถัดมา เจ้าชายทรงทำข้อตกลงนอกศาลกับเวอร์จิเนีย จิวฟรี หญิงชาวอเมริกันที่เป็นผู้เสียหายในคดีของเอปสไตน์ และเป็นผู้กล่าวหาว่าเจ้าชายทรงล่วงละเมิดทางเพศเธอเมื่อครั้งที่เธอเป็นวัยรุ่น โดยเจ้าชายทรงปฏิเสธข้อกล่าวหา และทรงไม่ถูกตั้งข้อหาทางอาญา
สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ต้องทรงตัดสินพระทัยว่าจะทรงจัดการกับพระอนุชาอย่างไร และจะทรงให้พระอนุชามีบทบาทในรัชกาลใหม่ของอังกฤษอย่างไร โดยทุกวันนี้เจ้าชายแอนดรูว์ยังคงทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งยอร์ก
นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลสที่ 3 ทรงแสดงท่าทีมานานว่า ทรงมีพระราชประสงค์ให้สมาชิกราชวงศ์จำกัดอยู่ที่สมาชิกครอบครัวที่ใกล้ชิดของพระองค์ รวมถึงสมเด็จพระราชินีคามิลลา เจ้าฟ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแฮร์รี พระชายา พระโอรส และพระธิดาของเจ้าชายทั้งสอง
อย่างไรก็ตาม การตัดสินพระทัยของเจ้าชายแฮร์รี ที่มีพระประสงค์ประทับในต่างประเทศกับเมแกน พระชายา ทำให้ทั้งสองพระองค์ยุติการปฏิบัติพระกรณียกิจเมื่อปี 2563 ทำให้แผนของพระประมุขแห่งอังกฤษต้องเปลี่ยนแปลงไป
นับแต่นั้นมา เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนทรงวิจารณ์ราชสำนักอังกฤษ รวมทั้งทรงกล่าวหาเชื้อพระวงศ์และเจ้าหน้าที่ในราชสำนักว่า แสดงออกถึงการเหยียดเชื้อชาติ ทั้งสองพระองค์ยังตรัสด้วยว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลสที่ 3 และเจ้าฟ้าชายวิลเลียม ทรงติดกับอยู่ในสถาบันกษัตริย์
เจ้าชายแฮร์รี ซึ่งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งซัสเซกซ์ ยังตรัสถึงความแตกแยกในครอบครัว โดยตรัสว่าความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์ พระบิดา และพระเชษฐา เป็นไปอย่างยากลำบาก
ทั้งนี้ ในพระปฐมบรมราชโองการหลังทรงขึ้นครองราชย์ กษัตริย์พระองค์ใหม่แห่งอังกฤษทรงส่งสัญญาณว่า อาจทรงมีพระราชประสงค์ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเจ้าชายแฮร์รี โดยตรัสว่า ทรงต้องการแสดงความรักต่อเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนขณะที่ทั้งสองพระองค์ทรงดำรงพระชนม์ชีพในต่างประเทศ
นอกจากนี้ เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว “ไมเคิล ฟอว์เซ็ตต์” ผู้ช่วยคนสนิทและมือขวาของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลสที่ 3 ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในมูลนิธิของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส หลังมีข้อกล่าวหาว่า มีการมอบยศให้ชาวซาอุดีอาระเบียคนหนึ่งแลกกับการบริจาคเงิน
ไม่กี่เดือนถัดมา ตำรวจกรุงลอนดอนระบุว่า ได้ทำการสืบสวนทางอาญาต่อมูลนิธิดังกล่าว ขณะที่ทางสำนักงานของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ระบุว่า เจ้าฟ้าชายไม่ทรงทราบถึงการกระทำผิดที่อาจเกิดขึ้นใด ๆ และได้มีการยุติความสัมพันธ์ระหว่างมูลนิธิกับฟอว์เซ็ตต์และบริษัทของเขาแล้ว
เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ เดอะ ซันเดย์ ไทมส์ รายงานว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงรับถวายเงินสด 3 ล้านยูโร จากอดีตนายกรัฐมนตรีของกาตาร์ โดยเงินบางส่วนบรรจุอยู่ในถุงซื้อของ ซึ่งเรื่องนี้ สำนักงานของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส ระบุว่า เงินดังกล่าวถูกนำไปมอบให้มูลนิธิหนึ่งของพระองค์ โดยมีการปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ขณะที่แหล่งข่าวจากราชสำนักอังกฤษระบุว่า จะไม่มีการรับบริจาคเงินสดจำนวนมากอีกต่อไป
หนึ่งเดือนถัดมา เดอะ ไทมส์ รายงานว่า องค์กร Prince of Wales's Charitable Fund ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส รับเงินจากครอบครัวของโอซามา บิน ลาเดน ผู้ก่อการร้ายผู้ล่วงลับ โดยสำนักงานของเจ้าฟ้าชาย ระบุว่า องค์กรตัดสินใจรับเงินดังกล่าวหลังตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว โดยเจ้าฟ้าชายชาร์ลสทรงไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด