คาดสงครามยูเครนรุนแรงขึ้น! หลัง'ปูติน'ขู่ใช้นิวเคลียร์ป้องดินแดนยึดใหม่
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศผนวกดินแดน 4 แคว้นของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียจะทำให้สงครามในยูเครนยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น ขณะที่ปธน.ปูตินเตือนว่ารัสเซียพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องดินแดนและอธิปไตยของประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวในวันเดียวว่า สหรัฐยังไม่เห็นสัญญาณบ่งชี้ว่ารัสเซียกำลังพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์แต่อย่างใด แม้ว่าประธานาธิบดีปูติน ประกาศว่ารัสเซียจะไม่ลังเลในการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องดินแดนและอธิปไตยของประเทศ
"เรากำลังจับตาดูอย่างระมัดระวังว่ารัสเซียได้ดำเนินการใดๆที่บ่งชี้การใช้อาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ ซึ่งจนถึงขณะนี้ เรายังไม่เห็นว่ารัสเซียจะดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด" นายบลิงเคน กล่าว
การประกาศผนวกดินแดนดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ปธน.ปูตินประกาศระดมกำลังพลจำนวน 300,000 นายเพื่อยกระดับการทำสงครามยูเครน
นอกจากนี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญของรัสเซียที่มีการแก้ไขในสมัยของปธน.ปูตินได้ระบุห้ามการส่งมอบดินแดนใดๆของรัสเซียให้แก่ต่างชาติ
ทั้งนี้ ปธน.ปูตินได้ลงนามในสนธิสัญญาผนวกดินแดนของยูเครนร่วมกับผู้นำจากทั้ง 4 แคว้น ซึ่งได้แก่ โดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย ในพิธีซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบเครมลินในเวลา 15.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 19.00 น.ตามเวลาไทย
"รัสเซียมี 4 แคว้นใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้" ปธน.ปูติน กล่าว
การลงนามในสนธิสัญญาระหว่างปธน.ปูตินและผู้นำทั้ง 4 แคว้น ทำให้ดินแดนดังกล่าวซึ่งคิดเป็นพื้นที่ 15% ของยูเครนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย
ทางการรัสเซียอ้างว่า ผลการลงประชามติในแคว้นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย บ่งชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบต่อการผนวกดินแดนเข้ากับรัสเซีย
อย่างไรก็ดี ชาติตะวันตกมองว่าการลงประชามติในครั้งนี้เป็นการหาเหตุผลของรัสเซียเพื่อยึดครองดินแดนดังกล่าว และปธน.ปูตินอ้างว่า หากยูเครนโจมตีดินแดนดังกล่าวก็จะถือเสมือนการโจมตีรัสเซีย และรัสเซียจะไม่ลังเลในการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องดินแดนและอธิปไตยของประเทศ