World Pulse: มกุฎราชกุมารซาอุฯ เจ้าชายนักปฏิรูป
เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด หรือที่สื่อต่างประเทศเรียกกันว่า เอ็มบีเอส มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ผู้เพิ่งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าคือผู้ปกครองโดยพฤตินัย
ในโอกาสที่ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ข่าวหลายกระแสบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงมากว่าเจ้าชายจะทรงร่วมประชุมด้วย ถือเป็นผู้นำโลกที่น่าจับตามองอีกคนหนึ่ง
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เอ็มบีเอสประสูติเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2528 ทรงจบการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคิงซาอูดในกรุงริยาด เจ้าชายเคราครึ้มเป็นคุณพ่อลูกสี่ ลูกชายสองคน ลูกสาวสองคน พระองค์ขึ้นเป็นรัชทายาทเมื่อปี 2560 หลังเบียดเจ้าชายมุฮัมมัด บิน นาเยฟ ญาติผู้พี่ออกไปได้ ซึ่งเจ้าชายพระองค์นี้เป็นหนึ่งในหลายๆ องค์ที่มีรายงานว่าถูกจับกุมจากเกมชิงอำนาจในปี 2563
นักการทูตต่างชาติหลายคนคาดการณ์ว่าเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์เอ็มบีเอสอาจควบคุมซาอุดีอาระเบียไปอย่างน้อย 50 ปี
ตอนนี้เจ้าชายมุฮัมเม็ดทรงมีอำนาจมหาศาลอย่างที่ไม่เคยเห็นผู้ปกครองซาอุฯ คนใดเคยมีมาก่อน นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นประธานกองทุนการลงทุนสาธารณะอันใหญ่โต ทรงเป็นหัวหอกความพยายามทำเศรษฐกิจซาอุฯ ให้หลากหลายนอกเหนือจากพึ่งพาน้ำมัน
เจ้าชายเคยพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทำเนียบขาวภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจาเรด คุชเนอร์ ลูกเขยและที่ปรึกษาทรัมป์ ความสัมพันธ์นี้ช่วยปกป้องพระองค์ระหว่างเกิดคดีฆาตกรรมนักข่าว “จามาล คาช็อกกี”
เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน ทรงเป็นผู้กำกับดูแลแผนการเปลี่ยนแปลงสังคมเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่่เรียกว่า “วิสัยทัศน์ 2030” ปัจจุบันผู้หญิงซาอุฯ ได้รับอนุญาตให้ขับรถ ร่วมงานกีฬาและคอนเสิร์ตได้ร่วมกับผู้ชาย และมีหนังสือเดินทางโดยไม่ต้องรอให้ผู้ดูแลชายอนุมัติ นอกจากนี้ราชอาณาจักรซาอุฯยกเลิกคำสั่งห้ามเปิดโรงภาพยนตร์ สนับสนุนให้หญิงชายร่วมงานต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่ในเวลาเดียวกันก็มีการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างหนัก รวมถึงปัญญาชนและนักกิจกรรมหญิง ในสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นยุทธศาสตร์ขจัดร่องรอยความขัดแย้งก่อนถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นทางการจากกษัตริย์ซัลมาน พระชนมพรรษา 86 พรรษา
เดือน ก.พ.2561 เจ้าชายมุฮัมมัดดูแลการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงครั้งใหญ่ทั้งเสนาธิการ ผู้บัญชาการทหารบกและทหารอากาศ นำคนรุ่นใหม่ที่ภักดีต่อพระองค์มาดำรงตำแหน่งแทน เป็นการกระชับอำนาจในกองทัพมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่อำนาจที่เพิ่มมากขึ้นนี้ทำให้เกิดความหวาดหวั่นว่าสมดุลแห่งอำนาจในซาอุดีอาระเบียที่ลงตัวดีอยู่แล้วจะถูกพระองค์พลิกผันเร็วเกินไป จนสุดท้ายกลายเป็นความไร้เสถียรภาพ