"สี จิ้นผิง" เดินหน้าผู้นำจีน สมัย 3 กับขุมอำนาจทางการเมือง

"สี จิ้นผิง" เดินหน้าผู้นำจีน สมัย 3 กับขุมอำนาจทางการเมือง

ไฮไลท์การประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 ในการประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 1 ไม่เพียงลงมติเลือก “สี จิ้นผิง” เป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ แต่มีการแต่งตั้ง 7 คณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง และวางตัวบุคคลก้าวสู่ขึ้นตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีจีน” คนใหม่

สี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่ 3 ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ผู้บริหารชุดใหม่เดินพรมแดงในหอประชุมประชาชน ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อเปิดตัวผู้นำประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า "หลี่ เฉียง" เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครเซี่ยงไฮ้ ได้รับการแต่งตั้งเตรียมเป็นนายกรัฐมนตรีจีนคนใหม่ ซึ่งถือเป็นกรรมการสูงสุดของคณะกรรมการกรมการเมือง แทนที่นายหลี่ เค่อ เฉียง 

หลี่ เฉียง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครเซี่ยงไฮ้ ถูกวางตัวให้ดูแลระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของจีนและเป็นผู้นำหมายเลขสองรองจากนายสี แต่เมื่อครั้งล็อกดาวน์โควิด-19 ซึ่งถูกวิจารณ์ถึงปัญหาวิกฤติอาหารของคนนับสิบล้านคนในเซี่ยงไฮ้ การแต่งตั้งนายหลี่ขึ้นเป็นนายกฯ จึงถูกมองว่าเป็นเพราะความภักดีของเขาต่อนายสี ที่สำคัญมากกว่าความสามารถทางการบริหารประเทศจีนยุคใหม่

เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงานว่า สมาชิกที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ได้เปิดตัวเรียงตามลำดับหลังการประชุมพรรคในวานนี้ (23 ต.ค.) ยืนยันถึงการตัดสินใจของ สี จิ้นผิง ในฐานะลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่ 3 โดยสมาชิกทั้ง 7 คนมีประสบการณ์และผลงานสะท้อนบารมีทางการเมืองอย่างไร

สี จิ้นผิง วัย 69 ปี

การรักษาเก้าอี้สมัยที่ 3 ได้นั้น แสดงให้เห็นว่าสี จิ้นผิง ไม่ใช่ที่หนึ่งในหมู่คณะกรรมการเท่าเทียมอีกต่อไป แต่มีอำนาจเป็นของตัวเอง การครองอำนาจทำให้สี จิ้นผิง ยกเลิกการเกษียณทางการเมืองเมื่ออายุ 68 ปี ตอกย้ำถึงความตั้งใจของพรรคที่อยากฝากอนาคตไว้กับผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดนับตั้งแต่ เหมา เจ๋อตุง ทั้งนี้ สี จิ้นผิง ได้เปิดประชุมสมัชชาใหญ่ ด้วยการที่สีให้คำมั่นสัญญาว่า มีแผนฟื้นฟูสถานะอำนาจของจีน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองภายในพรรค บวกกับยังไม่มีผู้สืบทอดอำนาจอย่างชัดเจน ทำให้สีถูกวางตำแหน่งเป็นผู้นำจีนต่อไปอีกหลายปี

 

หลี่ เฉียง วัย 63 ปี

การยกสถานะเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขาเซี่ยงไฮ้หลังจากเขาดูแลการล็อกดาวน์โควิดอย่างโกลาหล พิสูจน์แล้วว่า เกณฑ์สำคัญสุดสำหรับการเลื่อนตำแหน่งคือความภักดีต่อสี หลี่เฉียง เคยเป็นหัวหน้าคณะทำงานสมัยที่สีเป็นหัวหน้ามณฑลเจ้อเจียงและได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งนครเซี่ยงไฮ้ในการประชุมพรรคครั้งก่อน ซึ่งเลขาธิการพรรคทุกคนยกเว้นหนึ่งคน ได้เป็นสมาชิกคณะกรรมการถาวรตั้งแต่ 2530 ซึ่งมีทั้งอดีนายกรัฐมนตรีจู หรงจี้ และสี นอกจากนี้ เมื่อเดือน มิ.ย. หลี่ประกาศชัยชนะในการป้องกันเมือง ศูนย์กลางการเงินโลก จากโควิด-19 ได้ และยกความดีความชอบให้กับคำแนะนำที่สำคัญของเลขาธิการสี

 

จ้าว เล่อจี้ วัย 65 ปี

ในฐานะที่เป็นเจ้าพ่อต่อต้านการรับสินบน จ้าว เล่อจี้ เป็นหัวหอกปราบปรามการทุจริต ที่กวาดล้างคู่แข่งทางการเมืองของสีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นที่จ้าวได้เป็นหัวหน้าองค์กรความร่วมมือที่ทรงอำนาจ ซึ่งเป็นองค์กรแต่งตั้งบุคลากรทั่วประเทศ จ้าวได้ช่วยสนับสนุนพันธมิตรสี และใช้เวลาเกือบ 30 ปี ในการไต่อันดับขึ้นมาเป็นผู้นำมณฑลชิงไห่ ที่มีพื้นที่ใหญ่กว่ารัฐเท็กซัส และกลายเป็นผู้นำมณฑลที่อายุน้อยที่สุดในประเทศ ได้ดูแลเศรษฐกิจชิงไห่จนเติบโตเป็นสองเท่า ก่อนเข้ามาเป็นสมาชิกคณะกรรมการประจำการถาวร

 

หวัง ฮู่หนิง วัย 67 ปี

ตลอดหลายทศวรรษที่มีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจและการเปลี่ยนผ่านผู้นำระดับสูงของจีนหลายสิบปี หวัง ฮู่หนิงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถดำรงตำแหน่งอย่างสุขสบาย ท่ามกลางวงจรการปรับเปลี่ยนผู้นำ หวังเป็นอดีตคณบดีมหาวิทยาลัยฟูตันและเป็นหนึ่งในผู้มีอุดมการณ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของพรรค สร้างคติพจน์ที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้นำมาแล้ว 3 คน ล่าสุดเป็นผู้นำสำนักเลขาธิการกลาง ช่วยขับเคลื่อนโยบายต่าง ๆ ของพรรค

 

ไช่ ฉี วัย 66 ปี

มีประสบการณ์อันรุ่งโรจน์ภายใต้การปกครองของสี ไช่ได้เป็นสมาชิกโปลิตบูโรโดยไม่ได้มาจากคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน นับเป็นการเข้าสู่สมาชิกโปลิตบูโรที่รวดเร็วและหาได้ยาก ด้วยบทบาทผู้นำ ไช่ได้ให้ปักกิ่งดำเนินการจำกัดการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วยวิธี “ฟองสบู่ทางสังคม” และด้วยอายุของไช่ อาจเป็นข้อจำกัดหนึ่งเดียวต่อการดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการถาวร

 

ติง เซวียเสียง วัย 60 ปี

ติง เซวียเสียง ไม่เหมือนกับสมาชิกคณะกรรมการถาวรส่วนใหญ่ เนื่องจากไม่เคยเป็นเลขาธิการพรรคมณฑลใดเลย และในฐานะที่เป็นหัวหน้าคณะทำงานโดยพฤตินัยของสี ติงมักจะถูกมองว่าอยู่ข้าง ๆ สีในการเดินทางไปเยือนที่ต่างๆ ทั้งนี้ ติงเกิดในมณฑลเจียงซู และไม่ได้มาจากครอบครัวนักการเมือง ว่ากันว่ามีบุคลิกเงียบ ๆ ซึ่งลักษณะนิสัยนี้ช่วยให้ติงเป็นพันธมิตรที่น่าไว้ใจสำหรับสี ที่ผ่านมาติงได้เลื่อนตำแหน่งอย่างก้าวกระโดด จากสมาชิกสำรองของคณะกรรมการกลางพรรคอมมิวนิสต์ สู่สมาชิกโปลิตบูโรครั้งล่าสุด

 

หลี่ ซี วัย 66 ปี

หลี่ซีรู้จักสีตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ได้เข้าพบกับ สี จงซุน บิดาของสีผู้เป็นฮีโร่นักปฏิวัติพร้อมกับหัวหน้าของเขาในตอนนั้น จึงทำให้หลี่ได้เป็นพันธมิตรกับสี สุดท้ายหลี่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกโปลิตบูโรครั้งนี้ ในฐานะเจ้าหน้าที่สูงสุดของมณฑลเหลียวหนิงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับความไว้วางใจในการปฏิรูปมลฑลแห่งนี้ หลังมณฑลติดหล่มกับเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษฐกิจและการซื้อเสียง ทั้งนี้ อายุของหลี่อาจอยู่ได้อีก 1 สมัยในตำแหน่งคณะกรรมการถาวร

ภายหลังจากประกาศการส่งมอบวาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ สมัยที่ 3  สีได้แถลงแนะนำสมาชิกของคณะผู้บริหารระดับสูง สะท้อนนัยสำคัญที่บ่งบอกทิศทางจีนภายใต้ ปธน.สี จิ้นผิง สมัยที่ 3 ท่ามกลางความกังวลว่าจีนจะปิดระบบเศรษฐกิจของตัวเองจากเศรษฐกิจโลก โดยสีกล่าวว่า “จีนไม่สามารถพัฒนาได้หากปราศจากโลก และโลกก็ต้องการจีนเช่นกัน”

“หลังความพยายามอย่างไม่ลดละเพื่อปฏิรูปและเปิดกว้างเป็นเวลากว่า 40 ปี พวกเราได้สร้างความมหัศจรรย์ 2 คือ การพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและความมั่นคงทางสังคมในระยะยาว” ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวในตอนท้าย