ชาวอินเดียเฮ! 'ซูนัก' นั่งนายกฯอังกฤษ จากอาณานิคมสู่ผู้นำเมืองผู้ดี

ชาวอินเดียเฮ! 'ซูนัก' นั่งนายกฯอังกฤษ จากอาณานิคมสู่ผู้นำเมืองผู้ดี

ชาวอินเดียต่างแสดงความยินดีต่อการที่นายริชิ ซูนัก อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษ ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนแรกที่มีเชื้อสายอินเดีย และเป็นชาวฮินดู

"อานูจ ฮาร์" นักเขียนหนังสือสนับสนุนการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของอินเดีย กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่บุคคลที่มีเชื้อสายอินเดียสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำของอังกฤษ

"ราจีฟ ซาร์เดไซ" พิธีกรข่าวชื่อดังของอินเดีย กล่าวว่า ชัยชนะของนายซูนักเกิดขึ้นประจวบเหมาะกับการครบรอบ 75 ปีของการที่อินเดียได้รับอิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษ

ส่วน"ปรีติ คานธี" สมาชิกรัฐสภาอินเดีย กล่าวว่า เธอมีความสุขอย่างมากจากการที่ชาวฮินดูคนหนึ่งที่ไม่ลืมรากเหง้าของตัวเองประสบความสำเร็จในวันนี้

นายซูนักขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษในวันจันทร์(27ต.ค.) เกิดขึ้นพร้อมกับการที่ชาวฮินดูทั่วโลกเฉลิมฉลองเทศกาล Diwali Balipratipada ในวันนี้ ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งแสงสว่างของศาสนาฮินดู

"คุณซูนักขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษถือเป็นของขวัญในเทศกาล Diwali ที่ยิ่งใหญ่สำหรับอังกฤษ และเป็นเหตุผลสำหรับการเฉลิมฉลองในอินเดีย" ราจีฟ โดกรา อดีตนักการทูตอินเดียระบุในทวิตเตอร์

ทั้งนี้ พรรคอนุรักษนิยมของอังกฤษประกาศให้นายซูนักคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯในวันนี้ ซึ่งทำให้นายซูนักขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษโดยอัตโนมัติ เนื่องจากพรรคอนุรักษนิยมครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ

การประกาศชัยชนะของนายซูนักมีขึ้น หลังจากที่นางเพนนี มอร์ดอนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ ประกาศถอนตัวจากการแข่งขัน หลังจากที่ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษสังกัดพรรคอนุรักษนิยมได้ถึง 100 เสียงตามข้อบังคับพรรคฯ

นายซูนักถือเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนแรกที่มีเชื้อสายอินเดีย และด้วยวัย 42 ปี ทำให้เขาเป็นผู้นำอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองอังกฤษสมัยใหม่

นักลงทุนคาดว่าด้วยประสบการณ์ของนายซูนัก ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษ และอดีตนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จะทำให้เขาสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา และเงินเฟ้อที่พุ่งสูงของอังกฤษในขณะนี้

ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) เตือนก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญภาวะถดถอยยาวนานกว่า 1 ปี โดยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566