ทางการมาเลเซียบุกจับ‘ปาร์ตี้ฮาโลวีน’แอลจีบีที

นายนูมาน อาฟีฟี นักกิจกรรมรายหนึ่งที่ถูกจับกุมในงานปาร์ตี้ฮาโลวีน แอลจีบีที ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อกลางดึกวันเสาร์ (29 ต.ค.) เผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีถึงเหตุบุกจับกุมชวนปวดร้าวสะเทือนใจเมื่อเจ้าหน้าที่ศาสนาราว 40 คน ที่ได้รับการสนับสนุนจากตำรวจบุกเข้ามาในงานที่มีผู้ร่วมงานราว 1,000 คนสั่งให้ปิดเพลงและหยุดเต้นรำ แล้วแบ่งคนในงานออกเป็นกลุ่มมุสลิมและที่นับถือศาสนาอื่น

ต่อมาชาวมุสลิม 20 คน ถูกนำตัวไปยังกรมศาสนาอิสลามกลางเพื่อบันทึกรายละเอียดส่วนบุคคล “บางคนถูกกล่าวหาว่าแต่งกายข้ามเพศ คนอื่นๆ รวมทั้งผมถูกกล่าวหาว่าส่งเสริมความช่วยร้าย” นายนูมานกล่าว

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาทั้ง 20 คนได้รับการปล่อยตัว และต้องมาให้ปากคำอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ ชาวแอลจีบีทีในมาเลเซียถูกเลือกปฏิบัติอย่างปวดร้าวต่อเนื่อง ด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงเป็นอนุรักษนิยมของมาเลเซีย จากที่เคยได้ชื่อว่าเป็นประเทศสายกลางและอดทนอดกลั้นต่อความแตกต่าง

มาเลเซียมีระบบกฎหมายคู่ขนานบางคดีของพลเมืองมุสลิมที่คิดเป็นราว 60% ของประชากรถูกนำขึ้นศาลชารีอะห์ ซึ่งการรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องต้องห้าม เพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายเป็นความผิดอาญาอาจมีโทษถึงจำคุก ถูกลงโทษทางร่างกาย และปรับ แม้ว่าการบังคับใช้กฎหมายจะไม่ค่อยเกิดขึ้นก็ตาม

นางสาวสิตี คัสซิม ทนายความสิทธิมนุษยชน ประณามการบุกงานดังกล่าว ระบุ “ตำรวจศีลธรรมต้องหยุดได้แล้ว คนเหล่านี้ไม่ใช่อาชญากร การกดขี่และเลือกปฏิบัติต่อชาวแอลจีบีทีต้องยุติทันที”

ด้านคาร์ลส ซานติเอโก นักการเมืองฝ่ายค้าน เรียกการบุกจับครั้งนี้ว่า “คุกคามคนชายขอบ” เขาทวีตข้อความ “เมื่อไหร่เราจะเรียนรู้การเคารพและยอมรับคนในสิ่งที่เขาเป็นเสียที”

ที่ผ่านมา กลุ่มสิทธิมนุษยชนประณามทางการมาเลเซียหลายครั้ง ที่เลือกปฏิบัติและทำโครงการ “รักษา” ชาวแอลจีบีที

ฮิวแมนไรท์วอทช์เคยแถลงในเดือน ส.ค.

“โครงการเหล่านี้เป็นอันตรายต่อความเท่าเทียม ศักดิ์ศรี และสิทธิของผู้ร่วมโครงการ ทั้งยังเป็นการส่งข้อความอันตรายไปถึงสาธารณชนในวงกว้างว่า แอลจีบีทีสามารถและควรเปลี่ยนรสนิยม อัตลักษณ์ และการแสดงออกทางเพศ”