'เกาหลีเหนือ’ทดสอบขีปนาวุธ เพิ่มขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์เอเชีย

ช่วงนี้ เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธบ่อยครั้งมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องการตอบโต้การซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ ทำให้สถานการณ์การเมืองบริเวณคาบสมุทรเกาหลีที่แต่เดิมก็เต็มไปด้วยความระแวงซึ่งกันและกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น ล่าสุด วานนี้ (3 พ.ย.)เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธนำวิถีอีก 3 ลูก โดยหนึ่งในนั้นหายไปจากจอเรดาร์เหนือน่านน้ำทะเลญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการแก้ไขประกาศในเบื้องต้นที่ระบุว่า ขีปนาวุธลูกดังกล่าวได้ถูกยิงข้ามเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม ทางการญี่ปุ่น ระบุว่า ไม่มีรายงานความเสียหายจากการยิงขีปนาวุธในครั้งนี้ และก่อนหน้านี้ได้มีการเรียกร้องให้ประชาชนในบางจังหวัดทางตะวันออกเฉียงเหนือและตอนกลางของญี่ปุ่นอยู่แต่ภายในที่พักอาศัย

"ยาสุคาซุ ฮามาดะ" รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ระบุว่า ขีปนาวุธลูกแรกถูกยิงออกมาเมื่อเวลาประมาณ 7.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีวิถีโคจรเหนือญี่ปุ่น แต่หายไปจากจอเรดาร์เหนือน่านน้ำทะเลญี่ปุ่น และขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังตรวจสอบสาเหตุของการสูญหายไปจากจอเรดาร์

ด้านสำนักงานคณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ว่า หนึ่งในขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงในครั้งนี้ เป็นขีปนาวุธข้ามทวีป ( ICBM ) แม้ประสบกับความล้มเหลว แต่นับเป็นครั้งที่ 7 แล้วในปีนี้ ที่รัฐบาลเปียงยางทดสอบ ICBM และนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา

การยิงขีปนาวุธ ในครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธระยะทางไกลประมาณ 4,600 กิโลเมตรเหนือญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา

ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า ตามที่วานนี้ (3 พ.ย.) เวลาประมาณ 07.40 น. ทางการญี่ปุ่น ประกาศเตือนภัย เหตุขีปนาวุธที่คาดว่าถูกยิงออกมาจากเกาหลีเหนือ และตกลงในทะเลญี่ปุ่นซึ่งคาดว่าห่างออกจากฝั่งประมาณ 1,000 กิโลเมตร

 

ส่วนทางการญี่ปุ่นขอให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดมิยากิ จังหวัดยามากาตะ และจังหวัดนีกาตะ รวมทั้งผู้ที่เดินเรือในพื้นที่ใกล้เคียง ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดจากเหตุการณ์นี้ เช่น ชิ้นส่วนหรือฝุ่นที่ตกลงจากที่สูง การเดินทางโดยเรือในพื้นที่

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง ดูแลรักษาตัวและเฝ้าระวังสถานการณ์โดยติดตามข่าวสารของทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด และกรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ HOTLINE +81 90-4435-7812

การทดสอบยิงขีปนาวุธ อย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือที่ถือว่าปีนี้ได้ทำการทดสอบขีปนาวุธมากเป็นประวัติการณ์ มีขึ้นในช่วงที่ สหรัฐและเกาหลีใต้กำลังซ้อมรบครั้งใหญ่ร่วมกันทางอากาศ ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่า เป็นการยั่วยุอย่างรุนแรง

ประธานาธิบดี ยุน ซ็อก-ยอล ของเกาหลีใต้ มองว่า การยิงขีปนาวุธครั้งนี้ของเกาหลีเหนือเป็นการรุกรานอาณาเขตอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าขีปนาวุธจะตกนอกน่านน้ำอาณาเขตของเกาหลีใต้ พร้อมทั้งประกาศจะตอบโต้อย่างรวดเร็วและแข็งกร้าว

ตามกฎหมายสากล ประเทศต่าง ๆ สามารถอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำในอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลนอกชายฝั่งได้ แต่ครั้งนี้ ถือว่าเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธตกลงใกล้ชายฝั่งเกาหลีใต้มากที่สุด และทั้งปีนี้ เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธมาแล้วกว่า 50 ลูก ในจำนวนนี้มีครั้งหนึ่งเป็นการยิงขีปนาวุธพาดผ่านน่านฟ้าทางตอนเหนือของญี่ปุ่น

การทดสอบยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือมีขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือเตือนว่า เกาหลีใต้และสหรัฐจะต้องชดใช้อย่างสาสม หากยังเดินหน้าซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ ซึ่งมีเป้าประสงค์เพื่อรับมือการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ โดยเมื่อวันจันทร์ (31 ต.ค.) เรือดำน้ำขับเคลื่อนพลังนิวเคลียร์ของสหรัฐได้เคลื่อนเข้ามาถึงนอกชายฝั่งเกาหลีใต้ เพื่อร่วมซ้อมรบที่เริ่มมาตั้งแต่เดือน ส.ค.

การทดสอบขีปนาวุธแบบถี่ๆรัวๆของเกาหลีเหนือ ทำให้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ เสนอเงินรางวัล 5 ล้านดอลลาร์ แก่ผู้ให้เบาะแสที่นำไปสู่การขัดขวางทางการเงินของบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมสนับสนุน โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ การฟอกเงิน และปฏิบัติการทางไซเบอร์บางอย่างของเกาหลีเหนือ หลังเกาหลีเหนือ ระดมยิงขีปนาวุธ ปืนใหญ่ และขีปนาวุธตกใกล้เส้นแบ่งเขตน่านน้ำเกาหลีใต้

เว็บไซต์ข่าววอยซ์ ออฟ อเมริกา (วีโอเอ) รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐมีแผนจะเปิดเผยรายชื่อบุคคลที่ละเมิดมาตรการลงโทษของสหรัฐ และสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการขนส่งเชื้อเพลิงให้แก่เกาหลีเหนือด้วย

โครงการให้เงินรางวัลนี้มีชื่อว่า The Rewards for Justice Program ถูกจัดทำขึ้นเมื่อปี 1984 มีเป้าหมายเพื่อปกป้องด้านความมั่นคงของสหรัฐ ซึ่งจนถึงขณะนี้สหรัฐ ได้ให้เงินรางวัลแก่บุคคลในประเทศต่าง ๆ มากกว่า 125 คน ที่แจ้งเบาะแสไปแล้วจำนวนกว่า 250 ล้านดอลลาร์