“ดอน” โชว์เคสศูนย์สื่อเอเปควันที่2 ลดปล่อยคาร์บอนกว่า 1 หมื่นกิโลคาร์บอน
"ดอน ปรมัตถ์วินัย" เยี่ยมชมศูนย์สื่อมวลชน เน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชี้รายงานระบุลดคาร์บอนได้จริง หากทำต่อเนื่อง จะเป็นประโยชน์ในระยะยาว
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเยี่ยมชมศูนย์สื่อมวลชนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 29 และชมบูธนิทรรศการของภาคเอกชนที่มาจัดแสดงอยู่ในพื้นที่ศูนย์สื่อมวลชน ภายใต้แนวคิด Green Media Center เน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมว่า ในศูนย์สื่อมวลชนมีการคำนวนรายงานตัวเลขการลดปริมาณการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกภายในศูนย์สื่อมวลชนประจำวัน เพื่อจำกัดการปล่อยคาร์บอนและพบว่า สามารถทำได้จริง
รายงานกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ในวันแรกของการจัดประชุมเอเปคมีผู้ใช้พื้นที่ภายในศูนย์สื่อฯประมาณ 500 คน มีการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก 7,482 กิโลคาร์บอน เทียบเท่ากับการซึมซับคาร์บอนไดออกไซด์ของการปลูกป่าต่อปีคือ 831 ต้น ขณะที่วันที่สอง มีผู้ใช้พื้นที่ภายในศูนย์สื่อฯประมาณ 800 คน มีการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก 10,666.88 กิโลคาร์บอน เทียบเท่ากับการซึมซับคาร์บอนไดออกไซด์ของการปลูกป่าต่อปีคือ 1,185 ต้น
นายดอน ยังเปิดเผยถึงภาพรวมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเด็นการร่างเป้าหมายกรุงเทพว่าด้วย BCG หรือ Bangkok Goals on BCG ซึ่งยื่นต่อผู้นำเพื่อให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าว เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างที่ผู้แทนแต่ละเขตเศรษฐกิจกำลังหารือเพื่อกำหนดประเด็นความร่วมมือที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้เห็นการทำงานร่วมกันต่อไปข้างหน้า โดยเฉพาะการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
นายดอน ยืนยันว่า คนไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากความร่วมมือครั้งนี้ โดยเฉพาะประเด็นการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทุกประเทศได้รับผลกระทบร่วมกัน ซึ่งสหประชาชาติได้ให้ความสำคัญและถือเป็นเรื่องใหญ่ จำเป็นที่จะต้องผลักดันให้คนทุกคนมีส่วนร่วม ช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อช่วยไม่ให้โลกเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิไปอย่างรุนแรงกว่านี้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ภายในศูนย์สื่อมวลชนประกอบด้วยโซนทำงานของสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ หน่วยงานภาครัฐที่แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย และบูธภาคเอกชนไทย โดยพื้นที่ดังกล่าวดำเนินการภายใต้โครงการ Care the Bear ของตลาดหลักทรัพย์ร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชน ที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของแต่ละคนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใต้ 6 หลักการCaresได้แก่
1.รณรงค์ให้เดินทางโดยรถสาธารณะหรือเดินทางมาร่วมกัน
2.ลดการใช้กระดาษ พลาสติก จากเอกสารต่าง ๆ และบรรจุภัณฑ์
3.งดการใช้โฟมจากบรรจุภัณฑ์หรือโฟมเพื่อการตกแต่ง
4.ลดการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน
5.ออกแบบโดยใช้วัสดุตกแต่งที่สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้
6.ลดขยะจากอาหารเหลือทิ้งในงานอีเว้นท์
ส่วนที่มีรายงานถึงกลุ่มเคลื่อนไหวแสดงความเห็นต่อการประชุมครั้งนี้เป็นการฟอกเขียว หรือ Green Washing ของกลุ่มทุนที่มีส่วนทำลายสิ่งแวดล้อม นายดอน ยืนยันว่า สิ่งที่กำลังขับเคลื่อนมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ระยะยาว เพราะหากไม่ทำวันนี้จะสายเกินแก้ได้ ในประเด็นนี้จะต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผล ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ในระยะเวลา 1-2 ปี จนพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ต้องเตรียมพร้อมรับมือเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป ซึ่งการประชุมครั้งนี้ต้องมองไปถึงปัญหาที่ลูกหลานรุ่นหลังจะประสบพบเจอไม่เช่นนั้นจะรับมือไม่ทัน เพราะโลกใบนี้แปรปรวนมาก
นายดอน ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องธรรมชาติอาจดูไกลตัวและไม่มีผลต่อเราในวันนี้ แต่ตอนนี้ปัญหาได้เริ่มขึ้นแล้ว มีการสำรวจแถบขั้วโลกแล้วพบว่าภูเขาน้ำแข็งได้เริ่มกลายเป็นสีเขียว น้ำแข็งละลายจนมีต้นไม้เกิดขึ้น เพราะสภาวะโลกร้อน ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ