มหานคร New York | ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์
เหตุการณ์ 9/11 ทำให้ New York ดำดิ่งลงเหวภายในชั่วข้ามคืน ความรู้สึกของสังคมโลกกับเมืองเมืองนี้เปลี่ยนไป อย่างพลิกฝ่ามือ ในขณะที่ประชาชนของ New York ก็ไม่แน่ใจในความปลอดภัยของตนเอง ถือว่าเป็นความตกต่ำที่สุดของมหานครแห่งนี้
ในวันเดียวกันนั้นพรรค Republican ต้องลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกตัวแทนของพรรคเข้าชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมือง New York เหตุการณ์ 9/11 ทำให้การลงคะแนนเสียงต้องเลื่อนไป
Michael Bloomberg หนึ่งในตัวแทนของพรรค Republican จึงสร้าง Theme ในการหาเสียงว่ามหานครแห่งนี้ต้องการผู้นำที่มีประสบการณ์ทางธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นเมืองให้กลับมาจรัสแสงอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับท่านที่ไม่รู้จัก Michael Bloomberg เขาเป็นนักการเงินเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Bloomberg เพื่อให้บริการข้อมูลทางการเงินหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่พวกเราอาจจะคุ้นเคยคือ Bloomberg TV
ความสำเร็จของเขาคือ สร้างอาณาจักรธุรกิจจากจุดศูนย์ จนมีทรัพย์สินของตนเองมากกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญ
ในปี 2001 เขาเข้าสู่เวทีทางการเมืองโดยสมัครเป็นตัวแทนของพรรค Republican เพื่อชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของ New York
ด้วยนโยบายที่ชัดเจนทำให้เขาชนะการเลือกตั้งในที่สุด Michael Bloomberg ลงมือกอบกู้สถานการณ์ของเมืองโดยตั้งเป้าว่า “ New York is where the best want to live and work"
เขาแตกต่างจากนักการเมืองบ้านเราที่ทำงานทุกอย่างที่ขวางหน้าและไม่ได้ดีสักอย่าง Bloomberg ให้ความสำคัญกับการทำงานเพียง 3 เรื่องเท่านั้น
1. ทำให้ประชาชนเมือง New York รู้สึกถึงความปลอดภัยมั่นคงในชีวิต และมีความสุข นี่เป็นที่มาของการพัฒนาบริเวณ Lower Manhattan ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของตึก World Trade Center และบริเวณโดยรอบให้กลับมาเป็นศูนย์กลางของการพาณิชย์โลก
โดยออกมาตรการสนับสนุนให้เกิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ตัวอย่างหนึ่งก็คือตึก Freedom Tower ซึ่งจะก่อสร้างเสร็จในปี 2011 เพื่อทดแทนตึก World Trade Center
โครงการ NYC 311 เป็น Customer service center ที่คน New York สามารถร้องเรียนความเดือดร้อนเพื่อขอความช่วยเหลือ Bloomberg มีทัศนคติว่าประชาชนคือลูกค้าของเขา
ดังนั้น Call center ไม่ใช่เป็นเครื่องมือหาเสียง แต่ต้องแก้ไขปัญหาได้จริง Call center นี้ให้บริการ 24 ชั่วโมงในเดือนแรกมีสายเรียกเข้าถึง 49 ล้านครั้ง
Heathy Schultz เป็นตัวอย่างของแฟนประจำคนหนึ่งของหมายเลข 311 เธอร้องเรียนว่ามีพวกมือบอนมาขีดเขียนที่กำแพงของสถานีรถไฟข้างบ้านเธอ ภายในหนึ่งสัปดาห์เจ้าหน้าที่เทศบาลก็มาทาสีกำแพงเพื่อลบงานศิลปะที่ไม่พึงประสงค์ ไม่นานพวกมือบอนก็กลับมาสร้างงานอีก
เช่นเดียวกันเจ้าหน้าที่เทศบาลก็กลับมาทำหน้าที่ตามคำร้องเรียนของ Schultz วนเวียนอย่างนี้อยู่หลายรอบ จนในที่สุดพวกมือบอนหมดแรงไปเอง
โครงการ Workforce 1 เป็นการสร้างการจ้างงานในเมือง New York โดยหน่วยงานของรัฐทำหน้าที่เป็น Match maker ให้กับนายจ้างและลูกจ้าง พร้อมมีการฝึกอบรมให้ลูกจ้างเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของผู้ใช้แรงงานให้ตรงความต้องการของตลาด
โครงการ PlaNYC เป็นแผนระยะยาวที่จะพัฒนาให้ New York เป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัยที่สุดเมืองหนึ่งในปี 2030 แผนงานดังกล่าวมีเป้าหมายชัดเจนอยู่ 10 ข้อ ตัวอย่างเช่นคนในเมืองนี้ทุกคนจะมีที่พักอาศัยอยู่ห่างจากสวนสาธารณด้วยเวลาเดินเท้าเพียง 10 นาที
โครงการ Million Trees NYC เป็นหนึ่งในโครงการ plaNYC ที่ตั้งเป้าปลูกต้นไม้หนึ่งล้านต้นภายในเวลาสิบปีเพื่อทำให้ New York เป็นเมืองที่อยู่ในป่า
โครงการนี้ลงรายละเอียดว่าจะปลูกต้นไม้ 220,000 ต้นบนถนน 380,000 ต้นในสวนสาธารณะและบริเวณที่เป็น Zoning area อีก 400,000 ต้นจะเป็นความร่วมมือจากภาคเอกชน
2. สร้างความมั่นใจให้กับแวดวงธุรกิจว่า New York คือศูนย์กลางของการค้าของโลก งานนี้ Michael Bloomberg ลงมือทำงานด้วยตัวเองโดยพูดคุยกับ CEO ของ Goldman Sachs และชักชวนให้ Glodman Sachs มาสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่บริเวณ Lower Manhattan
โดยยื่นข้อเสนอให้ Glodman Sachs ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเงิน 1,650 ล้านเหรียญ Virgin America เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความสำเร็จในการดึงแบรนด์ระดับโลกมาตั้งสำนักงานใหญ่ของสายการบินใหม่นี้ที่ New York
3. สร้างรายได้ Bloomberg ตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาชื่อ NYC & Company ทำหน้าที่เป็นแขนขาทางการตลาดดึงนักท่องเที่ยวมาชมเมือง โดยตั้งเป้าจำนวน 50 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2015 Bloomberg คัดเลือกคนที่มาเป็นผู้นำขององค์กรนี้ด้วยตัวเอง
แผนงานของหน่วยงานนี้ไม่ใช่การลดแลกแจกแถม หรือมัวเมากับการทำโฆษณา แต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของการท่องเที่ยวในตัวเมืองเพื่อใช้เป็นแม่เหล็ก
จากข้อมูลล่าสุดในปี 2008 มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองนี้กว่า 47 ล้านคนสร้างรายได้ให้กับเมืองถึง 30,000 ล้านเหรียญ
ยุทธวิธีหนึ่งที่หน่วยงานนี้ใช้ในการสร้าง Exposure ของเมือง New York ในตลาดโลก คือการให้ความสะดวกกับ Hollywood มาถ่ายหนังในเมือง Big Apple
Bloomberg ตัดสินใจนำคนนอกที่มีประสบการณ์ในวงการบันเทิงมาบริหารงาน Office of film , theater & broadcasting เป็นผลให้เกิดการจ้างงานใหม่ถึง 10,000 ตำแหน่ง สร้างรายได้เข้าเมือง 2,400 ล้านเหรียญ และทำให้คนทั่วโลกรู้จักเมือง New York ดีขึ้นกว่าเดิม
ความกล้าหาญของ Bloomberg และความชาญฉลาดในการบริหารงานทำให้ New York เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาตามสถิติของ FBI
ในขณะเดียวกันเขาสามารถพลิกฟื้นให้ New York กลับมาเปล่งแสงได้อีกครั้งในฐานะเมืองหลวงของโลก
ผลงานของ Bloomberg ทำให้คน New York เลือกเขากลับมาเป็นนายกเทศมนตรีในสมัยที่สองด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างคู่แข่งถึง 20% ถือได้ว่าเป็นสถิติใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในปี 2008 Bloomberg เสนอร่างกฏหมายและขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนเพื่อขอแก้กฎหมายให้เขาสามารถดำรงตำแหน่งได้ 3 สมัย
สาเหตุมาจากการที่ New York ประสบกับวิกฤติทางการเงินอย่างแสนสาหัสในปีนี้ และเขาขออาสามาทำงานเป็นครั้งสุดท้าย ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านสภาของเมืองในวันที่ 23 ตุลาคม 2008 และเขาก็ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเป็นครั้งที่สามในปี 2009
ความสำเร็จในการ Turnaround New York มาจากประเด็นว่าผู้นำคือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงส่วนความสำเร็จมาจากความสามารถในการถ่ายทอดพลังนั้นลงไปที่ฐานของพิระมิด.