แผนที่เก่านาซีจุดชนวนแห่ขุดหาสมบัติสงครามโลก

แผนที่เก่านาซีจุดชนวนแห่ขุดหาสมบัติสงครามโลก

นักล่าสมบัติมือสมัครเล่นในเนเธอร์แลนด์ เกิดจินตนาการบรรเจิดเมื่อได้เห็นแผนที่เก่าฉบับหนึ่งซึ่งเชื่อว่าระบุจุดที่ทหารเยอรมนีซ่อนสมบัติมูลค่าหลายล้านยูโรเอาไว้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน นับตั้งแต่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเนเธอร์แลนด์นำ แผนที่เก่านาซี ฉบับหนึ่งเผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อวันอังคาร (3 ม.ค.) จุดประกายให้ผู้คนจำนวนมากตัดสินใจลองลุกขึ้นมาเป็นนักล่าสมบัติและหยิบจับอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ เครื่องดักจับโลหะและพลั่ว ออกสำรวจทุ่งรอบ ๆ เมืองโอมเมเรนทางตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ เพราะหอจดหมายเหตุเผยว่า แผนที่ฉบับนี้น่าจะบ่งชี้จุดที่ทหารนาซีซุกซ่อนหีบสมบัติสี่ใบเอาไว้ ในนั้นเต็มไปด้วย เพชร ทับทิม ทองคำ เงิน และอัญมณีนานาที่ปล้นมาได้จากการระเบิดธนาคารในเดือน ส.ค.1944

หอจดหมายเหตุเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ติดตามเงินของเยอรมนีหลังเนเธอร์แลนด์เป็นอิสระจากการยึดครองของนาซีในปี 1945 ได้แผนที่ฉบับนี้จากทหารเยอรมนีนายหนึ่งเมื่อสงครามสิ้นสุดได้ไม่นาน

แฟ้มงานวิจัยที่แผนที่ฉบับดังกล่าวปรากฏอยู่ถูกเก็บไว้ในหอจดหมายเหตุนานสูงสุดตามระเบียบถึง 75 ปีกว่าจะเปิดเผยออกมาในสัปดาห์นี้

แอนน์-มารีเอเก แซมสัน โฆษกของหอจดหมายแห่งชาติเนเธอร์แลนด์กล่าวกับรอยเตอร์ว่า แม้ไม่สามารถยืนยันได้เต็มปากว่าสมบัติดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่ แต่หอจดหมายเหตุเคยพยายามหาสมบัติหลายครั้งในปี 1947

“เราไม่รู้แน่ชัดหรอกว่ามีสมบัติหรือไม่มี แต่สถาบันก็ตรวจสอบหลายครั้งและพบว่าเรื่องนี้น่าเชื่อถือ แต่ก็ไม่เคยพบ และถ้ามีสมบัติอยู่จริงก็อาจจะมีคนขุดไปแล้ว”

กระนั้น โอกาสเพียงน้อยนิดที่จะพบของมีค่าไม่ได้ขัดขวางบรรดานักขุดทองสมัครเล่น

“ผมเห็นกลุ่มคนถือเครื่องตรวจจับโลหะทั่วไปหมด ก็เหมือนกับคนอื่นๆ ล่ะน่ะ ข่าวสมบัตินาซีทำให้ผมต้องออกมาขุดบ้าง แม้โอกาสเจอหลังผ่านไปแล้ว 70 ปีนี่น้อยมากๆ แต่ผมก็อยากลองดู” แจน แฮนเซน วัย 57 ปี กล่าวกับรอยเตอร์ระหว่างพักการค้นหา

ด้านคลาส ทัมเมส อดีตนายกเทศมนตรีโอมเมเรนปัจจุบันทำหน้าที่ดูแลมูลนิธิเจ้าของผืนดินที่อาจมีสมบัติซุกซ่อนอยู่ บอกว่า เห็นผู้คนแห่กันมาจากทั่วประเทศ

“แผนที่ที่มีต้นไม้สามต้นเรียงกันเป็นแถวและกากบาทแดงระบุจุดที่สมบัติอาจซุกซ่อนอยู่ได้จุดประกายจินตนาการ คนที่พบอะไรก็ตามต้องรายงานให้เราทราบ แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น”