จีนหวัง"บลิงเคน"เยือนปักกิ่ง ช่วยเปิดศักราชความสัมพันธ์ครั้งใหม่

จีนหวัง"บลิงเคน"เยือนปักกิ่ง ช่วยเปิดศักราชความสัมพันธ์ครั้งใหม่

นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตั้งความหวังว่าการเยือนของรมว.ต่างประเทศสหรัฐจะช่วยรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีนและสหรัฐกลับสู่ระดับที่แข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพ

นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวแสดงความยินดีต่อรายงานข่าวที่ว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางเยือนจีนในวันที่ 5-6 ก.พ.

นายหวังระบุว่า จีนมีความหวังว่าสหรัฐจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีนและสหรัฐกลับสู่ระดับที่แข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพ

Politico ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของสหรัฐ รายงานว่า นายบลิงเคนจะเดินทางเยือนจีนในวันที่ 5-6 ก.พ. และจะพบปะกับนายฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ที่กรุงปักกิ่ง

การเดินทางดังกล่าวเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในการประชุมสุดยอด G20 ที่อินโดนีเซียในเดือนพ.ย.2565 เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศ

คาดว่ารัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองจะหารือกันเกี่ยวกับความจำเป็นในการเปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน และเพิ่มความร่วมมือทวิภาคี หลังจากที่จีนได้ตัดความร่วมมือในหลายด้านกับสหรัฐ ท่ามกลางความไม่พอใจต่อการที่นางแนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวันในเดือนส.ค.2565

ทั้งนี้ นายฉิน กัง ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายบลิงเคน โดยแสดงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับสหรัฐ

หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานก่อนหน้านี้ว่า การที่นายหวัง อี้ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้รับการปรับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมาธิการฝ่ายการต่างประเทศกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดด้านการต่างประเทศของจีน ถือเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญและครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 1 ทศวรรษ และเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐ

นายหวัง เข้ารับตำแหน่งดังกล่าวแทนนายหยาง เจี๋ยฉือ ขณะที่นายฉิน กัง อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศต่อจากนายหวัง

นายหวัง เรียกร้องให้มีการเจรจาหารือกับสหรัฐเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบายต่างประเทศของจีนจะใช้ความพยายามที่จะทำให้สภาวการณ์ภายนอกเอื้ออำนวยต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และทำการป้องกันและแก้ไขความเสี่ยงและความท้าทายจากภายนอก