สหรัฐกังวลสัมพันธ์จีน-รัสเซีย ขณะคนอเมริกันเริ่มเบื่อช่วยยูเครน
สหรัฐกังวลสัมพันธ์จีน-รัสเซียแนบแน่นขึ้น หลังปูตินต้อนรับหวังอี้ ส่งสัญญาณสี จิ้นผิงจะมาเยือน ด้านประชาชนอเมริกันและพันธมิตรตะวันตกไม่ค่อยกระตือรือร้นให้รัฐบาลช่วยเหลือยูเครนเหมือนก่อน ก่อให้เกิดคำถามว่าสหรัฐจะช่วยได้อีกนานแค่ไหน
ตลอดสัปดาห์ความเคลื่อนไหวของผู้นำสามมหาอำนาจโลก สหรัฐ รัสเซีย จีน ต่อสงครามในยูเครนถูกสื่อทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ต้อนรับหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ทำเนียบเครมลินในกรุงมอสโก เมื่อวันพุธ (22 ก.พ.)
ปูตินกล่าวกับหวังว่า การค้าทวิภาคีระหว่างกันดีเกินคาด และอาจทะลุ 2 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ จาก 1.85 แสนล้านในปี 2565
“เรารอคอยประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนมาเยือนรัสเซีย เราเห็นชอบกันในเรื่องนี้ ทุกอย่างกำลังคืบหน้า ก้าวหน้า เรากำลังบรรลุพรมแดนใหม่” ปูตินกล่าวโดยอ้างถึงการมาเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
ด้านเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวถึงการเยือนรัสเซียของหวังก่อนวันครบรอบหนึ่งปีสงครามรัสเซียในยูเครนว่าเป็นอีกหนึ่งหลักฐานการเป็นแนวร่วมมอสโกของปักกิ่ง
“เรากังวลเพราะสองประเทศนี้มีวิสัยทัศน์เหมือนกัน เป็นวิสัยทัศน์แห่งยุคสมัยที่ประเทศใหญ่รังแกประเทศเล็ก และอาจใช้กำลังลากพรมแดนใหม่ ยุคที่อำนาจคือความถูกต้อง เรายังไม่เห็นสาธารณรัฐประชาชนจีนให้ความช่วยเหลือร้ายแรงแก่รัสเซียก็จริง แต่เราไม่เชื่อว่าไม่มีเรื่องนี้เช่นกัน” ไพรซ์กล่าว
การกล่าวถึงการเยือนรัสเซียของประธานาธิบดีจีน เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลวอชิงตันกล่าวเมื่อหลายวันก่อนว่า จีนกำลังพิจารณาจัดหาอาวุธให้รัสเซียทำสงครามในยูเครน ความเคลื่อนไหวที่เสี่ยงทำให้ความขัดแย้งบานปลายกลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับจีนฝ่ายหนึ่ง และยูเครนกับพันธมิตรนาโต (องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ) อีกฝ่ายหนึ่ง
สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซีย รายงานว่าหวังได้พบกับเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียด้วย หวังกล่าวว่า จีนจะ “ยึดมั่นในจุดยืนที่เป็นกลางและแสดงบทบาทสร้างสรรค์หาทางออกทางการเมืองให้กับวิกฤติในยูเครน” กระทรวงต่างประเทศรัสเซียยินดีกับบทบาทที่แข็งขันมากขึ้นในการแก้ปัญหาของจีน และเห็นคุณค่า “แนวทางอันสมดุล” ของจีน แต่แถลงการณ์อีกฉบับกระทรวงกล่าวว่า ลารอฟกับหวังไม่ได้หารือกันเรื่องแผนการสันติภาพของจีนตามที่สื่อตะวันตกรายงาน
สำหรับปูตินการสนับสนุนจากมหาอำนาจอย่างจีนระหว่างการเผชิญหน้าครั้งใหญ่สุดกับชาติตะวันตกนับตั้งแต่สงครามเย็น เปิดทางให้เขาหันเหความโดดเดี่ยวของรัสเซียจากชาติตะวันตกไปหาเอเชีย
ทั้งนี้ หวังบอกกับปูตินว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยืนต้านสถานการณ์ระหว่างประเทศที่สุ่มเสี่ยง ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียไม่ได้ต่อต้านภาคีฝ่ายที่ 3 ใดๆ แต่จะไม่ "ยอมจำนนต่อแรงกดดันจากฝ่ายที่ 3 เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ของหวังเป็นการพาดพิงสหรัฐ
“เราร่วมกันสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบหลายขั้วและเป็นประชาธิปไตย” หวังกล่าวกับประธานาธิบดีรัสเซีย
ปูตินเสริมกำลังนิวเคลียร์
วานนี้ (23 ก.พ.) ปูตินแถลงเนื่องในวันปกป้องปิตุภูมิ และหนึ่งวันก่อนครบรอบการรุกรานยูเครนว่า รัสเซียจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มกองกำลังนิวเคลียร์ พร้อมกล่าวเป็นครั้งแรกว่าขีปนาวุธข้ามทวีปซาร์มัตขีดความสามารถติดตั้งได้หลายหัวรบนิวเคลียร์จะนำมาประจำการในปีนี้
“เราจะเดินหน้าผลิตระบบขีปนาวุธเหนือเสียงคินชัลและเริ่มจัดส่งขีปนาวุธเหนือเสียงไซครอนเป็นจำนวนมากเช่นกัน” ปูตินย้ำ
วันนี้ (24 ก.พ.) รัสเซียมีกำหนดซ้อมรบกับจีนในแอฟริกาใต้ โดยส่งเรือตรวจการณ์ติดขีปนาวุธเหนือเสียงไปร่วมด้วย
จับตาแผนสันติภาพจีน
รอยเตอร์คาดว่า สีจะแสดงสุนทรพจน์ว่าด้วยสันติภาพในวันนี้ด้วย แต่ยูเครนยืนยัน ไม่มีวันเจรจาสันติภาพถ้าทหารรัสเซียยังคงยึดครองดินแดนยูเครน
ทั้งนี้ รัสเซียควบคุมพื้นที่ยูเครนเกือบหนึ่งในห้าของยูเครน หลังจากเสื่อมถอยสามครั้งใหญ่ในปีที่ผ่านมา ใน “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” เพื่อปกป้องความมั่นคงของรัสเซียตามคำเรียกของรัฐบาลมอสโก แต่ยูเครนและพันธมิตรตะวันตกเรียกการรุกรานนี้ว่า เป็นการยึดดินแดนแบบจักรวรรดิ
ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียเปิดการรบทางภาคตะวันออกของยูเครน แม้เสียหายหนักแต่ก็คืบหน้าบ้างเล็กน้อย
วัดใจแรงหนุนจากสหรัฐ
ตอนไปเยือนยูเครนเมื่อไม่กี่วันก่อน ประธานาธิบดีไบเดนตอกย้ำแข็งขันถึงการสนับสนุนของสหรัฐที่มีให้กับยูเคน แต่เมื่อกลับประเทศเสียงสนับสนุนจากประชาชนให้ส่งอาวุธไปยูเครนกำลังเบาบางลงเมื่อความขัดแย้งเข้าสู่ปีที่ 2 และยังไม่เห็นวี่แววยุติ
ผลสำรวจความคิดเห็นชุดใหม่ของรอยเตอร์/อิปซอสจากชาวอเมริกันกว่า 4,000 คน ระหว่างวันที่ 6-13 ก.พ. พบว่า เสียงสนับสนุนให้ส่งความช่วยเหลือทางทหารไปให้ยูเครนลดลงเหลือ 58% จาก 73% ที่เคยสำรวจเมื่อเดือน เม.ย.2565
สัญญาณความกระตือรือร้นแผ่วลง เกิดขึ้นในช่วงทางแยกทางการเมืองสหรัฐ ที่อาจจำกัดความสามารถของไบเดนไม่ให้ทำตามที่พูดไว้ได้อย่างเต็มที่ ที่ว่าสหรัฐจะสนับสนุนไม่เลิกราตราบเท่าที่ทหารรัสเซียยังอยู่บนแผ่นดินยูเครน
ในสภาพรรครีพับลิกันกำลังเผชิญหน้ากับทำเนียบขาวเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้ พวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลดค่าใช้จ่ายลงให้มากเพื่อลดการขาดดุลในช่วงที่สหรัฐอัดฉีดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับความช่วยเหลือทางทหารและอื่นๆ เข้าไปในยูเครน ส.ส.พรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่งที่เป็นพันธมิตรกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้จำกัดความช่วยเหลือ
ความช่วยเหลือนี้อาจกลายเป็นเกมการเมืองในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 2567 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นแล้ว รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ที่ถูกคาดหมายอย่างมากว่าจะเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน สัปดาห์นี้เรียกนโยบายช่วยยูเครนของไบเดนว่าเป็นการ “ตีเช็กเปล่า”
ช่วยไม่ได้ตลอดกาล
แอเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ เรื่องที่สาธารณชนสนับสุนความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครนลดลง กล่าวเพียงว่า ชาวอเมริกันรู้ดีว่าเดิมพันคืออะไร และสามารถเชื่อมโยงได้ถึงการสู้รบเพื่อ “เสรีภาพและอิสรภาพ” ของยูเครน
“การสนับสนุนยูเครนของชาวอเมริกันสะท้อนถึงการช่วยเหลืออย่างแข็งขันไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายที่ได้รับจากคองเกรสทั้งสองสภา” วัตสันกล่าว
เจ้าหน้าที่สหรัฐคนหนึ่งกล่าวโดยไม่เปิดเผยตัวตนกับรอยเตอร์ วอชิงตันกล่าวกับรัฐบาลยูเครนว่า ทรัพยากรสหรัฐใช่ว่าไม่มีที่สิ้นสุด
“ทุกคนเข้าใจว่า สงครามนี้ต้องยุติในจุดหนึ่ง และเราทุกคนล้วนอยากให้จบเร็วมากกว่าจบช้า” เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าว
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประกาศเป้าหมายนำทุกดินแดนที่รัสเซียยึดไปตอนผนวกไครเมียเมื่อปี 2557 กลับคืนมา และว่าจะไม่เจรจายุติสงครามกับประธานาธิบดีปูตินเพราะไม่ไว้ใจ
เจเรมี แชพิโร อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยสภายุโรปว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุ ทางการยอมรับว่าสงครามเสี่ยงบานปลายและดึงความสนใจไปจากปัญหาอื่น เช่น การแข่งขันกับจีนที่ก้าวร้าวขึ้นทุกที แต่ความสามารถของรัฐบาลไบเดนในการเสนอความประนีประนอมต่อเคียฟและมอสโกก็เสี่ยงถูกมองว่าอ่อนข้อให้กับศัตรูอย่างรัสเซีย
ต้องอธิบายให้สังคมเข้าใจ
แม้สภาคองเกรสสหรัฐให้ความช่วยเหลือยูเครนอย่างไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายก็จริง แต่ ส.ส.พรรครีพับลิกันบางคนกำลังตั้งคำถามว่าทำไมสหรัฐต้องใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ช่วยยูเครน ในช่วงที่ชาวอเมริกันกำลังรับมืออยู่กับเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจมีปัญหา
บ็อบ เมเนนเดซ ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศวุฒิสภา จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเดินหน้าอธิบายให้ชาวอเมริกันเข้าใจเรื่องการสนับสนุนยูเครน
มาร์ค แคนเซียน อดีตเจ้าหน้าที่กลาโหม ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาอาวุโสศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศศึกษาในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า ความสามารถของยูเครนในการสู้รบต้านทานการรุกรานของรัสเซียขึ้นอยู่กับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของวอชิงตันและพันธมิตรนาโต
“ชัยชนะจะมาจากขีดความสามารถทางทหารที่สั่งสม ผลพวงจากอาวุธและคลังกระสุนที่ส่งไปให้ การฝึกฝนที่นาโตจัดให้ และความอึดของชาวยูเครน” แคนเซียนกล่าว
ผลสำรวจทั่วโลกของอิปซอสเมื่อปลายปีที่ผ่านมา พบว่า เสียงส่วนใหญ่ในสมาชิกนาโตเช่น แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และโปแลนด์สนับสนุนความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนต่อไป มีเพียงฮังการีและอิตาลีที่คัดค้านมากกว่าสนับสนุน และผู้นำในประเทศเหล่านั้นไม่สนับสนุนยูเครนตามการริเริ่มของอียู