ปูตินเล็งประจำการนิวเคลียร์เบลารุส สหรัฐว่าไง?l Leaders' Move
สุดสัปดาห์นี้เล่นเอาตกอกตกใจ...ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ประกาศเมื่อวันเสาร์ (25 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น รัสเซียจะประจำการอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีในเบลารุสเพื่อนบ้านสุดซี้
***เหตุผลของประธานาธิบดีปูตินก็ไม่มีอะไรมาก
“ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสหรัฐนำอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีไปติดตั้งในประเทศพันธมิตรในยุโรปมาหลายสิบปีแล้ว เราก็เลยทำแบบเดียวกัน โดยไม่ได้ละเมิดพันธกรณีที่เรามี ผมย้ำเลย ไม่ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศว่าด้วยการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์” ผู้นำรัสเซียประกาศชัดแต่ยังไม่ได้บอกว่าจะเอาไปติดตั้งเมื่อใด (ประธานาธิบดีเบลารุสและประธานาธิบดีรัสเซีย)
***ก่อนอื่นต้องขออธิบายว่า อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีในที่นี้ หมายถึง อาวุธนิวเคลียร์ที่ใช้เพื่อความได้เปรียบเชิงยุทธวิธีในสนามรบโดยเฉพาะ ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ที่ใช้ทำลายล้างเมืองใหญ่ๆ หรือโจมตีจากระยะไกลอย่างที่สหรัฐและสหภาพโซเวียตมีสมัยสงครามเย็น
***แม้ปูตินบอกว่า มีแผนนำอาวุธนิวเคลียร์ไปติดตั้งในเบลารุส ก็แค่จะเอาไปติดตั้งเฉยๆ ไม่มอบอำนาจการควบคุมให้นะจ๊ะ แต่ได้ยินคำว่า “อาวุธนิวเคลียร์” แค่นี้โลกก็ตื่นเต้นกันแล้ว
***หลังถ้อยแถลงปูตินยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐในทันที แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลวอชิงตันรายหนึ่งเผยว่า รัสเซียกับเบลารุสคุยเรื่องติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์มาพักหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม “เรายังไม่เห็นเหตุผลให้ปรับท่าทีด้านนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ หรือเห็นข้อบ่งชี้ว่ารัสเซียกำลังเตรียมการใช้อาวุธนิวเคลียร์” เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าว
***เรียกได้ว่า เบื้องต้นฝ่ายสหรัฐยังไม่ปรับท่าที แต่ที่น่าสังเกตนี่เป็นครั้งแรกที่รัสเซียประกาศโต้งๆ ว่าจะนำอาวุธนิวเคลียร์ไปติดตั้งในประเทศอื่น ความสำคัญของเบลารุสคือ มีพรมแดนติดกับสามสมาชิกนาโตทั้งโปแลนด์ ลิทัวเนีย และลัตเวีย งานนี้นาโตต้องร้อนๆ หนาวๆ บ้างล่ะ!
***ที่ตัดสัมพันธ์กันแน่แล้วคือฮอนดูรัสกับไต้หวัน เมื่อฝ่ายแรกหันไปเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน จึงต้องเลิกคบกับไต้หวันตามนโยบาย “จีนเดียว” เมื่อมีปักกิ่งต้องไม่มีไทเป
(ประธานาธิบดีชิโอมารา คาสโตรของฮอนดูรัส)
***ถ้อยแถลงจากกระทรวงการต่างประเทศฮอนดูรัส ระบุ “รัฐบาลสาธารณรัฐฮอนดูรัสยอมรับการดำรงอยู่ของจีนเพียงหนึ่งเดียวในโลก และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนคือรัฐบาลอันชอบธรรมเพียงแห่งเดียวของจีนทั้งมวล ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้”
***ฟังดูช่างเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดสำหรับคนที่ถูกตัดสัมพันธ์ เมื่อเขาไม่มีใจให้เราแล้วก็ต้องปล่อยไป แต่โจเซฟ อู๋ รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันก็อดเตือนประธานาธิบดีชิโอมารา คาสโตร ของฮอนดูรัสไม่ได้ ว่าอย่าไปหลงกลจีนที่ใช้เงินล่อ
***การเปลี่ยนใจของฮอนดูรัสเกิดขึ้นหลังจากการเจรจาสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำกับจีน ช่วงหลังไต้หวันสูญเสียมิตรประเทศในละตินอเมริกาไปมาก ตอนนี้ทั่วโลกมีเพียง 13 ประเทศเท่านั้นที่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน
***เช้าวันอาทิตย์ (26 มี.ค.) กระทรวงการต่างประเทศจีนประกาศสถาปนาความสัมพันธ์กับฮอนดูรัสอย่างเป็นทางการ ถือเป็นอีกหนึ่งชัยชนะของปักกิ่งที่กำจัดมิตรประเทศไทเปให้เหลือน้อยลงทุกทีๆ
***ด้านประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน วันพุธหน้า (29 มี.ค.) จะเริ่มต้นเดินทางไปสหรัฐและเยือนพันธมิตรในอเมริกากลางตามประเพณีปฏิบัติที่ทำเป็นประจำทุกปี (ยกเว้นช่วงโควิดระบาด) เรียกเสียงประณามจากจีนแม้ว่าประธานาธิบดีไช่จะแค่ไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่สหรัฐก็ตาม
(ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินของไต้หวัน)
แต่ปีนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษเพราะว่ากันว่า จบทริปไช่อาจจะพบกับเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่ลอสแองเจลิส
***นึกถึง ส.ค.ปีก่อน ตอนที่แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในขณะนั้นมาเยือนไทเป จีนโกรธมากถึงขนาดต้องมาซ้อมรบใกล้ๆ ไต้หวัน แล้วคราวนี้ถ้าไช่พบกับแมคคาร์ทีในแอลเอ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น?
***ส่วนความเคลื่อนไหวภาคธุรกิจ หนังหน้าไฟตอนนี้หนีไม่พ้น โจ ซี ชู ซีอีโอติ๊กต็อก ที่เข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการพลังงานและพาณิชย์ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ต้องตอบคำถามเดือดนาน 5 ชั่วโมง ถึงประเด็นอิทธิพลของรัฐบาลจีนและประเด็นร้อนอื่นๆ
(โจ ซีชู ซีอีโอติ๊กต็อก)
ดูเหมือนติ๊กต็อกจะมีทางเลือกแค่สองทางเท่านั้นคือ ตัดสัมพันธ์กับไบต์แดนซ์บริษัทแม่สัญชาติจีนเสีย ไม่เช่นนั้นแล้วจะถูกห้ามใช้ในสหรัฐ ซึ่งถ้าเลือกประการหลังรัฐบาลไบเดนต้องระวังให้จงหนักเหมือนกัน เพราะแอพนี้มีผู้ใช้ในสหรัฐมากถึงเดือนละ 150 ล้านคนและส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ทะเลาะกับคนรุ่นใหม่ไม่ใช่เรื่องสนุกนะคะ มาดามขอเตือน!
***สัปดาห์นี้เรื่องรักหวานๆ ก็มี ไม่ได้มีแต่เรื่องเครียดๆ รูเพิร์ต เมอร์ดอค เจ้าพ่อวงการสื่อโลก วัย 92 ปี ประกาศหมั้นกับหวานใจ แอนน์ เลซีย์ สมิธ วัย 66 ปี เตรียมเข้าพิธีวิวาห์ช่วงปลายฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะเป็นวิวาห์ครั้งที่ 5 ของเจ้าบ่าววัยดึก
“ผมประหม่ามาก ผมกลัวการตกหลุมรัก แต่ผมรู้ดีว่านี่จะเป็นความรักครั้งสุดท้าย มันต้องดีแน่ๆ ผมมีความสุขครับ” ก็อย่างว่า...คนกำลังมีความรัก อะไรก็ดีไปหมด มาดามขออวยพรค่า...
***มาที่ประเทศไทยกันบ้าง เมื่อวันที่ 23 มี.ค. สี่เอกอัครราชทูตชาตินอร์ดิก นำโดย เอกอัครราชทูตแอสทริ เอมิเลีย เฮลเลอแห่งนอร์เวย์, เอกอัครราชทูตยูริ ยาร์วียาโฮ แห่งฟินแลนด์, เอกอัครราชทูตยอน ทัวร์กอร์ดแห่งเดนมาร์ก และเอกอัครราชทูตยอน ออสเตริม เกรินดาห์ล แห่งสวีเดน ร่วมกันจัดงานวันนอร์ดิก ภายใต้บรรยากาศสบายๆ ณ สวนทำเนียบเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ สุขุมวิท 38 ทูตทั้งสี่ให้คำมั่นช่วยเหลือประเทศไทยด้านนวัตกรรม ความยั่งยืน และความเท่าเทียมทางเพศ
ได้ยินอย่างนี้ก็สบายใจ เพราะกลุ่มประเทศนอร์ดิกขึ้นชื่อเรื่องความยั่งยืน แถมยังติดกลุ่มท็อปเท็นประเทศมีความสุขที่สุดในโลกเป็นประจำทุกปี อย่างฟินแลนด์นี่ครองแชมป์มาเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ส่วนไทยได้อันดับ 60 จาก 137 ประเทศ หวังว่าการเลือกตั้งมีรัฐบาลใหม่อาจยกระดับความสุขของคนไทยได้บ้าง(ภาพจากเฟซบุ๊คสถานทูตสวีเดน)
***เจอหน้า อาร์มัน อิสเซตอฟ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคาซัคสถานประจำประเทศไทย มาดามก็ได้แสดงความยินดีกับความสำเร็จในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสภาท้องถิ่นของคาซัคสถานเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งก้าวย่างการปฏิรูปประเทศสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ท่านทูตบอกว่า ปลายเดือนนี้จะไปร่วมทริปล่องใต้ลุยสามจังหวัดอันดามัน กระบี่ พังงา ภูเก็ตของกระทรวงการต่างประเทศพร้อมกับเพื่อนเอกอัครราชทูตอีกหลายประเทศ เพื่อดูศักยภาพของภูเก็ตในการเป็นเจ้าภาพงานเอกซ์โป 2028 ที่ต้องแข่งกับอีก 4 เมือง จากสหรัฐ สเปน เซอร์เบียและอาร์เจนตินา แต่ฟังคำพูดท่านทูตแล้ว เชียร์ภูเก็ตอย่างแน่นอน
***ที่ประทับใจมาดามที่สุดในสัปดาห์นี้ต้องยกให้แพทริก เบิร์น เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เผยในงาน 2 nd International Symposium on World’s Social Work จัดโดยศูนย์ฝึกอบรมอาเซียนด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการ สังคม(ATCSW) ถึงข้อบกพร่องทางกายภาพที่ท่านทูตประสบมาตั้งแต่เด็ก ตอนแรกท่านต้องปกปิดไม่ให้ใครรู้
“ผมไม่ได้เป็นแค่ทูตของไอร์แลนด์แต่เป็นทูตของความพิการด้วย” ท่านทูตว่าไว้อย่างนั้นและยินดีเปิดเผยเรื่องราวเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้บกพร่องทางกายภาพต่อไป ติดตามเรื่องราวสุดซึ้งของท่านทูตแพทริก เบิร์น แห่งไอร์แลนด์ได้ในกรุงเทพธุรกิจเร็วๆ นี้