สัปดาห์สองหลังวิกฤติแบงก์สหรัฐ ลูกค้าถอนเงินน้อยลง
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งของสหรัฐในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 มี.ค. ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.แต่ยังลดช้ากว่าสัปดาห์ก่อนหน้า เนื่องจากธนาคารรายเล็กที่เสี่ยงมากกว่าจากเหตุ SVB ล้มทรงตัวแล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เผยแพร่ข้อมูลเมื่อวันศุกร์ (31 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เงินฝากในธนาคารพาณิชย์สหรัฐทุกแห่งในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 มี.ค. ลดลงราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากที่คนแห่ถอนเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.745 แสนล้านดอลลาร์ ในสัปดาห์แรกหลังเกิดเหตุธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ (SVB) และธนาคารซิกเนเจอร์ล้ม
อย่างไรก็ตาม เงินฝากที่เหลืออยู่ในธนาคารพาณิชย์ล่าสุดเกือบ 8.6 แสนล้านดอลลาร์ต่ำกว่าระดับสูงสุดเมื่อเดือน เม.ย.2565 กว่าหนึ่งในสามที่หายไป หรือราว 3 แสนล้านดอลลาร์เกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจาก SVB ล้มเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ตามด้วยซิกเนเจอร์ในอีกสองวันถัดมา
เมื่อทบทวนข้อมูลในสัปดาห์ก่อนหน้าพบว่า การถอนเงินในสัปดาห์แรกหลังเกิดความผันผวนในภาคการเงินสูงเกือบสองเท่าของ 9.84 หมื่นล้านดอลลาร์ที่เคยคาดการณ์ไว้ตอนแรก
ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 มี.ค. เงินฝากในธนาคารขนาดเล็กของสหรัฐขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5.386 ล้านล้านดอลลาร์ จาก 5.381 ล้านล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะเดียวกันเงินฝากในธนาคารใหญ่สุด 25 แห่งวัดจากสินทรัพย์ลดลงมาอยู่ที่ 10.65 ล้านล้านดอลลาร์จาก 10.74 ล้านล้านดอลลาร์ที่เหลือเป็นการถอนเงินจากธนาคารต่างชาติในสหรัฐ
ทั้งนี้ หน่วยงานการเงินสหรัฐกล่าวเสมอว่า การถอนเงินทรงตัวแล้วหลังจากลูกค้าแห่ถอนจาก SVB และซิกเนเจอร์มากเป็นประวัติการณ์ สูงเกินกว่าเพดาน 250,000 ดอลลาร์ที่บรรษัทค้ำประกันเงินฝากกลางสหรัฐรับประกัน