ผลสำรวจชี้ คนอังกฤษเกินครึ่งรักสถาบัน แต่คนหนุ่มสาวไม่อินราชวงศ์
สำนักข่าวแชนแนลส์ ทีวี รายงานผลสำรวจใหม่จากยูกอฟ บ่งชี้ว่า ชาวอังกฤษส่วนใหญ่อยากรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ แต่กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ยังขาดแรงสนับสนุนจากคนหนุ่มสาวจำนวนมาก
ผลการสำรวจของยูกอฟ พบว่า ผู้ตอบแบบ 58% สนับสนุนให้รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ ขณะที่อีก 26% พึงพอใจกับการเลือกตั้งประมุขแห่งรัฐมากกว่า และอีก 16% ไม่รู้ว่าจะเลือกการปกครองแบบใด
ส่วนโพลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวบีบีซี ก่อนถึงวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 6 พ.ค. นี้ ระบุด้วยว่า มีคนหนุ่มสาวอังกฤษเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่สนับสนุนสถาบันกษัตริย์ ขณะที่ 38% พึงพอใจการเลือกตั้งประมุขแห่งรัฐมากกว่า
ผลสำรวจดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความเฉยเมยเป็นวงกว้างต่อสถาบัน เนื่องจากประชากรมากกว่า 3 ใน 4 ของช่วงอายุ 18-24 ปี ไม่ได้สนใจราชวงศ์
อย่างไรก็ดี การสนับสนุนราชวงศ์ส่วนใหญ่มาจากผู้ใหญ่ โดย 67% ของคนอายุ 50-64 ปี ยังสนับสนุนราชวงศ์อยู่ และคนอายุ 65 ปีขึ้นไป สนับสนุนราชวงศ์มากถึง 78%
ขณะที่ประชากร 45% จากผลสำรวจ 4,592 คน คิดว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 เหินห่างประชาชน แต่อีก 36% คิดว่าพระองค์เข้าถึงประชาชนได้ง่าย
นอกจากนี้ 54% ของผลสำรวจ คิดว่าราชวงศ์มีคุณค่า แต่คนหนุ่มสาวจำนวนมาก หรือประมาณ 40% คิดว่าราชวงศ์ไม่มีประโยชน์ ส่วนคนหนุ่มสาว 36% คิดว่าราชวงศ์ยังมีคุณค่าอยู่
ทั้งนี้ กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ก่อตั้งองค์กรการกุศล Prince’s Trust ในช่วง 1970 ขณะดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาท ซึ่งในปี 2563 องค์กรนี้ได้ช่วยเหลือคนหนุ่มสาวช่วงอายุ 11-30 ปี ที่ด้อยโอกาสมากกว่า 1 ล้านคน
Prince’s Trust
พระองค์ยังเป็นผู้สนับสนุนการปกป้องสิ่งแวดล้อม และต่อต้านกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด แต่เนื่องจากชาวอังกฤษประสบกับวิกฤติค่าครองชีพที่รุนแรงที่สุดในสมัยนี้ งบประมาณของราชวงศ์จึงฉุดความนิยมในหมู่คนหนุ่มสาว
ทั้งยังมีการวิจารณ์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่มาจากงบประมาณรัฐบาล จึงสร้างความกดดันทางการเงินต่อคนธรรมดาในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคาดการณ์งบประมาณพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจนกว่าจะเสร็จสิ้นพิธี แต่พระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งล่าสุดของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อปี 1953 ใช้งบประมาณ 20.5 ล้านยูโร
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์