พิสูจน์ ‘ภาวะผู้นำ’ บนเส้นทางทรหด คนไทยหนีภัยซูดาน
“ซูดาน” ประเทศที่เปรียบเหมือน “ไข่แดง” เนื่องจากมีความสัมพันธ์อ่อนไหวกับประเทศเพื่อนบ้านรายล้อม ได้แก่ ลิเบีย อียิปต์ เอริเธีย เอธิโอเปีย เคนยา ยูกันดา สาธาราณรัฐประชาธิปไตยคองโก แอฟริกากลาง และชาด เพราะมีปัญหาเรื่องเขตแดน
แต่ซูดานกลับมีสัมพันธ์ดีเยี่ยมกับประเทศสมาชิกสันนิบาตอาหรับ ซึ่งอยู่ถัดไปจากประเทศเพื่อนบ้านของตนเอง
ขณะที่สัมพันธ์ซูดานกับไทยเป็นในเชิงก้าวหน้า ส่วนใหญ่เป็นความร่วมมือด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้า แม้การทำธุรกิจการค้าระหว่างกันยังมีไม่มาก แต่ระยะหลัง 5 ปีมานี้ได้เห็นนักธุรกิจไทยไปเปิดร้านอาหาร และซูเปอร์มาเก็ตเพื่อนำสินค้าไทยหลากหลายไปขายในกรุงคาร์ทูม ซึ่งสามารถทำได้เงินถึง 35,185 ล้านบาทและไทยได้ดุลการค้ามาตลอด
ประเทศไทยไม่มีทั้งสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ในซูดาน มีแต่กงสุลกิตติมศักดิ์เป็นชาวซูดานที่กรุงคาร์ทูม ปกติมีหน้าที่ดูแลและคุ้มครองผลประโยชน์คนไทยและส่งเสริมธุรกิจไทยในซูดาน
โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน เกิดเหตุการณ์สู้รบระหว่างกองทัพซูดานและกลุ่มกองกำลังกึ่งทหาร (Rapid Support Forces : RSF) เพิ่มระดับดีกรีความขัดแย้งสูงขึ้น ทำให้รัฐบาลไทยมีคำสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศนัดประชุมฉุกเฉินและพิจารณาสถานการณ์อย่างรอบคอบ เพื่ออพยพคนไทยในซูดานด่วนที่สุด โดยเบื้องต้นรวบรวมได้ประมาณ 212 คน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาอยู่ที่กรุงคาร์ทูม
กระทรวงฯ มอบหมายสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ซึ่งมีเขตอาณาครอบคลุมซูดานเป็นจุดติดต่อประสานงานกับทุกฝ่ายในการนำคนไทยออกจากซูดานโดยปลอดภัยโดยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย
แต่ก็ต้องพบอุปสรรคมากมาย เพราะกรุงคาร์ทูมอยู่ตรงกลางประเทศ รัศมีการเดินทางออกจากซูดานไปยังชายแดนมีระยะทางประมาณ 700 - 1,000 กม. และถนนมีสภาพชำรุด นอกนั้นเป็นถนนที่ใช้การตลอดทางไม่ได้ หรือเป็นเส้นทางที่มีอันตรายจากการโจมตีของกลุ่มกองโจรหลายกลุ่ม ตลอดจนขบวนการเรียกค่าไถ่
จากการประเมินอย่างรอบคอบ เส้นทางที่ดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับทุกเส้นทางคือ เส้นที่ออกจากกรุงคาร์ทูมไปท่าเรือซูดาน ซึ่งห่างออกไปเกือบ 1,000 กม. เพื่อขึ้นเรือไปยังจุดอื่น
ดังนั้นการนำคนไทยออกจากที่อยู่เพื่อไปที่จุดรวมพลก็ยากลำบาก เพราะติดต่อสื่อสารทำไม่ได้ตลอดเวลาเหตุอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร และรถที่สถานทูตไทยว่าจ้างให้ไปรับคนจากที่พำนักก็มีที่ถูกกระสุนระหว่างไปรับ โดยรถเสียหายแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
คืนก่อนวันที่กำหนดให้รถมารับสถานทูตที่อิยิปต์ได้รับแจ้งจากบริษัทรถว่าไม่สามารถมาได้แล้ว สถานทูตจึงต้องรีบติดต่อหาทางเลือกอื่นในเวลาไม่ถึง 12 ช.ม. ซึ่งกงสุลใหญ่กิตติมาศักดิ์ ณ กรุงคาร์ทูมมีส่วนช่วยเหลือเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ สถานทูต ณ กรุงริยาด ก็ได้รับแจ้งว่าเรือข้ามทะเลแดงที่จองไว้ที่ท่าเรือซูดานนั้นว่าไม่สามารถให้บริการอีก ทำให้คิดหาช่องทางอื่นให้แผนอพยพเดินหน้าต่อได้
วงในกระทรวงการต่างประเทศเล่าว่า งานนี้ต้องถึงมือ "ดอน ปรมัตถ์วินัย" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยกหูโทรศัพท์ติดต่อประสานมิตรประเทศฝ่าย เพื่อเข้าช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยของเส้นทางและตามด่านตรวจ 7 ด่าน บนเส้นทางที่ใช้ในการอพยพคนไทยไปท่าเรือซูดานอย่างทันเวลา
อุปสรรคมีไว้พุ่งชนและพิสูจน์ภาวะผู้นำในการปฏิบัติงานในทุกระดับ จนในท้ายที่สุดแล้วคนไทยในซูดานและคู่สมรสได้เดินทางกลับไทยอย่างปลอดภัย