เฮดจ์ฟันด์รายใหญ่มองหุ้นขึ้นปีนี้ หลังเฟดปิดจ็อบขึ้นดอกเบี้ย
นายพอล ทิวดอร์ โจนส์ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เสร็จสิ้นภารกิจในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นในปีนี้
"ผมเชื่อว่าพวกเขาเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ซึ่งพวกเขาอาจจะประกาศชัยชนะตอนนี้เลยก็ได้ เพราะหากคุณดูตัวเลข CPI ก็จะเห็นว่ามันปรับตัวลงติดต่อกัน 12 เดือน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน"
"ผมคิดว่าตลาดหุ้นจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ โดยจะไม่ได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง แต่จะค่อยๆปรับตัวขึ้น" นายโจนส์กล่าวในรายการ "Squawk Box" ของสถานีข่าว CNBC
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2550
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.00%
นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้วยการยกเลิกประโยคที่เคยระบุในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่า "คณะกรรมการเฟดคาดการณ์ว่าการคุมเข้มนโยบายเพิ่มเติมอาจมีความเหมาะสม" เพื่อให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่ผ่านมา ได้ฉุดให้ดัชนี CPI ร่วงลงสู่ระดับ 4.9% ในเดือนเม.ย. หลังจากพุ่งแตะระดับ 9% ในเดือนมิ.ย.2565