บริษัทอินเดีย ‘รีไลแอนซ์’พึ่งมือถือถูกสุด ชิงส่วนแบ่งตลาดคู่แข่ง

บริษัทอินเดีย ‘รีไลแอนซ์’พึ่งมือถือถูกสุด ชิงส่วนแบ่งตลาดคู่แข่ง

บริษัทอินเดีย ‘รีไลแอนซ์’พึ่งมือถือถูกสุด ชิงส่วนแบ่งตลาดคู่แข่ง โดยมือถือราคาถูกสุดนี้ พุ่งเป้าผู้บริโภคอินเดียที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาเป็นหลัก โดยเฉพาะผู้บริโภคที่อาศัยในชนบท ที่ส่วนใหญ่ใช้มือถือเพื่อการสื่อสารขั้นพื้นฐาน

เว็บไซต์เอเชีย นิกเคอิ นำเสนอบทความว่าด้วยการแข่งขันในตลาดมือถือในอินเดียที่ล่าสุด “มูเกช อัมบานี” มหาเศรษฐีรวยสุดในอินเดีย กำลังเดิมพันครั้งใหญ่ด้วยการผลิตมือถือราคาถูกที่สุด ขายในราคาเพียงเครื่องละ 12 ดอลลาร์ เป็นมือถือที่สามารถเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตได้ ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ในแวดวงแก็ดเจ็ตต่างให้ความเห็นว่า การเคลื่อนไหวของอัมบานีครั้งนี้อาจจะทำให้บริษัทมือถือคู่แข่งหลักสูญเสียสมาชิกหลายล้านคน   

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รีไลแอนซ์ จิโอ อินโฟคอมม์ (Reliance Jio Infocomm)  หน่วยงานด้านโทรคมนาคมของอัมบานี เปิดตัวมือถือ “จิโอ ภารัต” ราคาเครื่องละ 12 ดอลลาร์ที่มีการติดตั้งแอพพลิเคชันการจ่ายเงินและการสตรีมมิงไว้ให้เสร็จสรรพ ถือเป็นมือถือที่สามารถเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตที่ถูกที่สุดในประเทศ 

มือถือรุ่นนี้ของแอมบานี ผูกกับค่าธรรมเนียมรายเดือนที่เชื่อมต่อกับ 4 G ที่ราคา 123 รูปี หรือ 51.95 บาท ซึ่งถูกกว่ามือถือของค่ายที่เป็นคู่แข่งอย่างแอร์เทล โดยเสนอข้อมูลให้มากกว่าคู่แข่งถึง 7 เท่า

มือถือใหม่นี้ยังมีราคาถูกกว่ามือถือที่มีฟีเจอร์มากมายหลายอย่างของโนเกีย ค่ายมือถือสัญชาติฟินแลนด์ ,มือถือสัญชาติจีน หรือมือถือที่ผลิตในอินเดียอย่างลาวา และคาร์บอนน์ ซึ่งมีราคากว่า 15 ดอลลาร์ ส่วนสมาร์ทโฟน ซึ่งเริ่มต้นที่ราคาประมาณ 60 ดอลลาร์จึงเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่เกินเอื้อมในความรู้สึกของชาวอินเดียหลายคน

“มือถือนี้จะช่วยให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดและกำลังฝ่าหรือทำลายพรมแดนต่างๆ ”วิเวกกานันด์ ซับบารามาน  นักวิเคราะห์จากอัมบานี แคปิตัล กล่าวถึงมือถือรุ่นจิโอ
 

อัมบานี ประธานกลุ่มบริษัทรีไลแอนซ์ อินดัสตรีส์ กำลังตัดกำลังบริษัทมือถือคู่แข่ง โดยเสนอมือถือราคาถูกสุดในประเทศ  พุ่งเป้าผู้บริโภคอินเดียที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาเป็นหลัก โดยเฉพาะผู้บริโภคที่อาศัยในชนบท ที่ส่วนใหญ่ใช้มือถือเพื่อการสื่อสารขั้นพื้นฐาน

เจฟฟรีส์ บริษัทวิจัย ประเมินว่า มีผู้ใช้ 249 ล้านคนที่ยังคงใช้เครือข่าย 2G แทนที่จะอัพเกรดไปใช้ 4G และ5G ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคที่นิยมเสพข้อมูลข่าวสาร

ทั้งนี้ คาดว่าการเปิดตัวโทรศัพท์จิโอ ภารัต จะช่วยสนับสนุนแผนของรีไลแอนซ์ที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจบันเทิงอย่างเต็มตัวด้วยบริการสตรีมมิ่ง นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะทุ่มงบลงทุน 25,000 ล้านดอลลาร์เพื่อให้บริการเครือข่าย 5G ทั่วอินเดีย ภายในเดือน ธ.ค. ปี 20232566

การที่รีไลแอนซ์ จิโอ ตั้งราคาโทรศัพท์รุ่นใหม่ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของฟีเจอร์โฟนในอินเดียถึง 20% ทำให้นักวิเคราะห์ประเมินว่าจะมีผู้ใช้งานมากถึง 22 ล้านคนที่เปลี่ยนไปใช้มือถือราคาประหยัดตัวนี้ และอาจส่งผลให้บริษัทคู่แข่งอย่างภาระติ แอร์เทล จำกัด ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออันดับ 2 ของอินเดีย สูญเสียผู้ใช้บริการมากถึง 11 ล้านคนต่อปี

บริษัทอินเดีย ‘รีไลแอนซ์’พึ่งมือถือถูกสุด ชิงส่วนแบ่งตลาดคู่แข่ง
 

การเคลื่อนไหวของรีไลแอนซ์ มีขึ้นหลังบริษัทแอ๊ปเปิ้ล เปิดร้านแอ๊ปเปิ้ล สโตร์ แห่งแรกในอินเดีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของแอ๊ปเปิ้ลในการขยายตลาดเข้าไปในอินเดีย พร้อมทั้งผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าของแอ๊ปเปิ้ล

ร้านแอ๊ปเปิ้ล สโตร์ ในนครมุมไบ มีพื้นที่ราว 20,000 ตารางฟุต ถือเป็นร้านของแอ๊ปเปิ้ลร้านแรกในประเทศนี้ก่อนที่ร้านที่สองจะเปิดบริการที่กรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดียในเวลาต่อมา

"ทิม คุก" ระบุว่า “อินเดียมีวัฒนธรรมที่สวยงามและมีพลังงานที่น่าเหลือเชื่อ เราตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าต่อยอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของเราที่นี่”

ทั้งนี้ แอ๊ปเปิ้ลเข้ามาเจาะตลาดอินเดียมานานกว่า 25 ปีแล้ว แต่เป็นการขายผลิตภัณฑ์ผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต และผ่านเว็บไซต์ที่เริ่มเปิดบริการเมื่อไม่กี่ปีก่อน ซึ่งปัญหาเรื่องกฎข้อบังคับและการระบาดของโควิด-19 ทำให้การเปิดร้านแอ๊ปเปิ้ล สโตร์ ร้านแรกต้องล่าช้าออกไป

นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ร้านทางการของแอ๊ปเปิ้ลแห่งแรกนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า แอ๊ปเปิ้ลพร้อมลงทุนในอินเดียซึ่งมีตลาดสมาร์ทโฟนขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และเป็นการแสดงให้เห็นว่า อินเดียมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของบริษัทแอ๊ปเปิ้ล

“นีล ชาห์” รองประธานฝ่ายวิจัยแห่งบริษัทวิจัยด้านการตลาดเคาท์เตอร์พอยท์ รีเสิร์ช กล่าวว่า ปัจจุบัน มีชาวอินเดียราว 600 ล้านคนจาก 1,400 ล้านคน ที่ใช้สมาร์ทโฟน แสดงว่ายังมีตลาดขนาดใหญ่ที่รอการเข้าถึงของบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือต่าง ๆ

ข้อมูลของเคาท์เตอร์พอยท์ รีเสิร์ช ระบุว่า ในช่วงระหว่างปี 2563-2565 แอ๊ปเปิ้ลขยายส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียจาก 2% เป็น 6% แต่ไอโฟนในอินเดียก็ยังคงมีราคาแพงเกินกว่าที่ชาวอินเดียส่วนใหญ่จะสามารถซื้อหาได้ และถูกจัดเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มชนชั้นกลางและชนชั้นสูงของอินเดีย โดยแอ๊ปเปิ้ลมีส่วนแบ่งตลาดพรีเมียมนี้ถึง 65%