ชวนตามรอย ‘สามก๊ก’ ท้าพิสูจน์ความแกร่ง พิชิตกำแพงเมืองจีน ‘เหอเป่ย’

มณฑลเหอเป่ย ปากประตูภาคตะวันออกของประเทศจีน เปิดรอรับคนไทย ย้อนรอยเส้นทางประวัติศาสตร์ ในฐานะเมืองยุทธศาสตร์การค้าและการเดินทาง ซึ่งมีปากแม่น้ำเหลืองติดกับทะเลฝั่งตะวันออกของประเทศ ทั้งยังมีถนนและคลองเวนิช เชื่อมธุรกิจการค้าทางน้ำไปไกลถึงกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงประเทศจีน

“หวัง หรงหลี” รองผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมมณฑลเหอเป่ยกล่าวว่า การเดินทางเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวเหอเป่ย ภายใต้หัวข้อหลัก “ใกล้แค่นี้ สวยอะไรปานนั้น” รอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มาสัมผัสธรรมชาติ ท่องเที่ยวตามเส้นทางประวัติศาสตร์ และวรรณกรรมชั้นสูงของจีน 

คณะผู้แทนมณฑลเหอเป่ยเดินทางมาโปรโมตการท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ด้วยความหวังว่าจะเปิดตลาดใหม่และกระตุ้นคนไทยไปเยี่ยมเยียนประเทศจีน หลังมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยหลายล้านคนในช่วงที่ผ่านมา 

“เราเชื่อว่าจะไม่มีอุปสรรคสำหรับคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวเหอเป่ยอย่างแน่นอน” หรงหลี ยืนยันและเสริมว่า เหอเป่ยมีพื้นที่ติดกับกรุงปักกิ่ง หลังจากที่คนไทยเดินทางโดยเครื่องบินมายังกรุงปักกิ่งแล้ว ก็สามารถขึ้นรถยนต์หรือรถไฟความเร็วสูง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงเหอเป่ย
 

รอผู้กล้า พิชิตกำแพงเมืองจีน

เพียงแต่ที่ผ่านมาคนไทยอาจจะรู้จักมณฑลเหอเป่ยน้อย ดังนั้นการโปรโมตท่องเที่ยวครั้งนี้ จึงเป็นการทำความรู้จักกันให้มากขึ้นทั้งในมิติการท่องเที่ยว วัฒนธรรม ภาษา และอาหาร เพื่อให้เกิดการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกัน

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นของเหอเป่ยคือ กำแพงเมืองจีนอันเลื่องลือ ณ ด่านซานไห่กวนที่ทอดยาวไปจรดทะเล ซึ่งกำลังคอยท้าทายนักท่องเที่ยวได้ไปพิชิตกำแพงเมืองจีนแห่งนี้ 

สกีรีสอร์ท หลบร้อนช่วงซัมเมอร์

เหอเป่ย มีสถานที่ที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมจีนในอดีตจนถึงปัจจุบัน 930 แห่ง ที่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลจีน ถือว่ามีสถานที่สำคัญๆ มากกว่ามณฑลอื่น ในจำนวนนี้ ได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม 3 แห่ง ได้แก่ กำแพงเมืองจีน รีสอร์ทเชิงเขาเฉิงเต๋อ และสุสานราชวงศ์ชิง กับแหล่งโบราณคดีมนุษย์ปักกิ่งที่มีชื่อเสียงอยู่ที่โจวโข่วเตี้ยน 

 

นอกจากนี้ เหอเป่ย ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมาก ใครชื่นชอบท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติก็มีสถานที่หลากหลายให้เยี่ยมชม  โดยเฉพาะสกีรีสอร์ท สถานที่ที่เคยจัดการแข่งขันกีฬาในโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2022 ที่สามารถเป็นสถานที่พักผ่อนคลายร้อนให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

คอนเสิร์ตคันทรีร็อค ที่ทุ่งเนินเขา

เหอเป่ยเป็นมณฑลเดียวของจีนที่มีทั้งที่ราบสูง ทุ่งหญ้าบนเนินเขา ภูเขาสูง ชายฝั่ง และทะเลสาป ซึ่งมีภูเขาไท่หาง ตั้งสูงตะหง่านอยู่ทางตะวันตกของมณฑล ขณะที่ภูเขาหยานที่สูงใหญ่อยู่ทางตอนเหนือของมณฑล และเมื่อมุ่งหน้าไปทางเหนือขึ้นไปอีกทุ่งหญ้าของมองโกเลีย มียอดเขาสูงที่สุดคือ “ภูเขาเสี่ยวอู่ไท่” ในเขตหยูกยา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑล มีความสูง 2,882 เมตร 

“ในเดือน ส.ค. จะมีการจัดคอนเสิร์ตคันทรีร็อค ณ ลานทุ่งหญ้าเชิงเขา ซึ่งจะเป็นการรวมตัวของหนุ่มสาวชาวจีน และต่างชาติทั่วโลก ถือเป็นงานแสดงดนตรีกึ่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติครั้งใหญ่ระดับโลก” หรงหลีเล่า

พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง

ดินแดนแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูมิศาสตร์ที่มีสำคัญทางยุทธศาสตร์และประวัติศาสตร์ของจีน 3 ประการ ได้แก่ 

Red Power กลุ่มปัญญาชนชาวจีนได้รวมตัวกันที่เมืองเหอเป่ย เพื่อประชุมหาแนวทางการปกครองที่เหมาะสมสำหรับประเทศจีน จนก่อให้เกิดการจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อวันที่ 1 ก.ค.1921 

Green Power เหอเป่ยเป็นดินแดนวรรณกรรมประวัติศาสตร์ “สามก๊ก” ที่รู้จักทั่วโลก จุดเปลี่ยนแปลงการสร้างชาติแข็งแกร่งอันเลื่องชื่อ ถิ่นหญิงงามผู้พลิกแผ่นดิน และรวมแหล่งก่อเกิดนวนิยายดังอดีตจนถึงปัจจุบัน เช่นละครรักในหอแดงที่คนไทยรู้จักดี

Blue Power หลายเมืองในเหอเป่ยตั้งอยู่บนภูเขาที่มีความสลับซับซ้อน ท่ามกลางป่าที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้ ทุ่งหญ้า ทะเลสาป และยังมีพื้นที่ติดทะเล ดังนั้นจะเห็นว่า มีการก่อสร้างไร่พลังงานลมขนาดใหญ่ไกลสุดสายตา เพื่อเป็นพลังงานทางเลือกและแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดด้วย 

“เชว่ เสี่ยวหัว” ผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ประจำกรุงเทพฯ กล่าวเสริมว่า นับวันไทยและจีนมีความสัมพันธ์ในเชิงการท่องเที่ยวลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งในช่วงสองสามปีก่อน มีคนไทยเดินทางไปประเทศจีนมากกว่า 8 แสนครั้ง ขณะที่มีคนจีนเดินทางมายังประเทศไทยมากกว่า 1 ล้านครั้ง

โดยเฉพาะปีนี้มีอัตราการเพิ่มขึ้นมาก เพราะสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายลงไป จะเห็นว่าตั้งแต่ต้นปี 2566 มีคนจีนเดินทางมายังไทยมากถึง 5 ล้านครั้ง ดังนั้นหากมีการเดินทางไปมาหาสู่กันยิ่งขึ้น จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระดับประชาชนกับประชาชนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

จีน ‘ฟรีวีซ่า’ เที่ยวได้ 144 ชั่วโมง

นักท่องเที่ยวบางประเทศสามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินทางฟรีวีซ่า 144 ชั่วโมงในมณฑลเหอเป่ย เทียนจิน และปักกิ่ง  หลังลงเครื่องที่เมืองหลวงของประเทศจีน ก็สามารถนั่งรถไฟหัวกระสุนหรือรถไฟข้ามแดนจากฮ่องกง เพื่อท่องเที่ยวใน 3 เมืองนี้ รวมไปถึงสามารถร่องเรือสำราญที่เทียนจินไปตามท่าเรือต่างๆ ในทะเลทางฝั่งตะวันออกของจีน  

นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2560 ทางการปักกิ่งได้ขยายนโยบายการเดินทางผ่านแดน โดยได้ขยายฟรีวีซ่าเดิม 72 ชั่วโมง มาเป็น 144 ชั่วโมง และยังขยายพื้นที่ปลอดวีซ่าให้ครอบคลุมเมืองเทียนจิน และมณฑลเหอเป่ยได้มากถึง 6 วันโดยไม่ต้องใช้วีซ่า ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้ได้ท่องเที่ยวปักกิ่ง เทียนจิน และเหอเป่ยอย่างเต็มที่ 

ปักกิ่งได้ประกาศรับรองพลเมือง 53 ประเทศที่มีสิทธิได้รับการยกเว้นวีซ่า เช่น สหรัฐ  สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ รัสเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ บรูไน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ แต่น่าเสียดายประเทศไทยยังไม่ได้อยู่ในกลุ่มฟรีวีซ่านี้ แต่ในอนาคตอันใกล้อาจจะมีการพิจารณา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ

หลายคนสงสัยว่า การเดินทางท่องเที่ยวใน 3 เมือง เหอเป่ย เทียนจิน ปักกิ่ง ในระยะเวลาฟรีวีซ่า 144 ชั่วโมงหรือเท่ากับ 6 วัน ส่วนใหญ่ทำอะไรกันบ้าง ซึ่งจากการสำรวจนักท่องเที่ยวในกลุ่มที่รับสิทธิฟรีวีซ่าได้ตอบเป็นเสียงเดียวกันคือ การเดินทางไปยังเมืองสำคัญๆ เพื่อลิ้มลองรสชาติอาหารประจำถิ่น ถือเป็นการสัมผัสวัฒนธรรมจีนแบบรวบรัด แต่เข้าถึงอรรถรสอย่างลึงซึ้ง 

มณฑลเหอเป่ยโดดเด่นด้านอาหารทะเล เพราะมีร้านอาหารซีฟู้ดที่ขึ้นชื่อให้เลือกมากมายที่ชายหาดเมืองชิงหวงเต่า รวมทั้งที่เมืองเทียนจินด้วย แม้มณฑลนี้จะไม่มีอาหารประจำถิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง แต่เนื่องจากร้านอาหารทะเลเหล่านี้ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอาหารของซานตง จึงทำให้แหล่งร้านอาหารในที่นี้ ขึ้นชื่อว่า เป็นหนึ่งใน 8 สุดยอดของถิ่นที่ตั้งร้านอาหารจีน 

แม้ว่าเอกลักษณ์เฉพาะของอาหารเมืองซานตงจะมีความจืดบ้างและเค็มบ้าง แต่พื้นที่รอบๆ อย่างปักกิ่ง และเมืองฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเหอเป่ยจะเป็นอาหารจีนที่เน้นความเรียบง่าย โดยมักไม่ใช้ผักปรุงอาหาร แต่จะใช้ข้าวสาลีและถั่วปรุงอาหารเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศในเมืองเหอเป่ยใกล้เคียงกับปักกิ่ง โดยปกติในฤดูหนาวมีอากาศแห้ง ส่วนฤดูร้อนมีความร้อนชื้น ขณะที่อุณหภูมิตามแนวชายฝั่งจะลดต่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 16 องศาเซลเซียส

แต่ตอนนี้สภาพอากาศไม่เป็นไปตามฤดูกาลเหมือนกับทั่วโลก โดยเฉพาะปลายเดือน ก.ค. ไปถึงต้นเดือน ส.ค. อาจมีฝนตกประปรายท่ามกลางอากาศร้อน หากคนไทยจะเดินทางไปเที่ยวกันต้องเผื่อเตรียมร่มไว้บ้าง แต่ภาพรวมแล้วอากาศเย็นสบายดี