รายได้ 'สตาร์บัคส์' ในจีนโต 51% สวนทางสหรัฐ ยอดขายต่ำกว่าคาดการณ์
รายได้ธุรกิจสตาร์บัคส์ในจีนโต 51% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่หนุนการเติบโตของสตาร์บัคส์ในไตรมาสนี้ สวนทางกับยอดขายในภูมิภาคอเมริกาเหนือที่ต่ำกว่าคาดการณ์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า สตาร์บัคส์ เปิดเผยผลประกอบการสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,410 ล้านดอลลาร์ หรือมีรายได้ต่อหุ้นอยู่ที่ 99 เซนต์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ที่มีรายได้ในไตรมาสเดียวกัน 912.9 ล้านดอลลาร์ หรือมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 79 เซนต์
หากไม่รวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สตาร์บัคส์มีกำไรอยู่ที่ 1 ดอลลาร์ต่อหุ้น และยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 12% สู่ระดับ 9,170 ล้านดอลลาร์
ผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทขยายตัว 17.3% จาก 15.9% เพราะได้แรงหนุนจากการพัฒนาสินค้า รวมถึงราคาอาหารและเครื่องดื่มแพงขึ้น
สำหรับยอดขายในสาขาเดิมของบริษัทโดยรวมเติบโต 10% ต่ำกว่าที่สตรีทแอคเคาท์คาดการณ์ที่ 11% ขณะที่การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ทั้งในอเมริกาเหนือและในตลาดต่างประเทศ ต่ำกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อย โดยยอดขายสาขาเดิมในอเมริกาเหนือโต 7% น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.4%
อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในตลาดต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง ปริมาณการเข้าออกร้านของลูกค้า (customer traffic) เติบโต 1% ในไตรมาสล่าสุด ลูกค้ามักซื้อแซนด์วิชที่เป็นอาหารเช้า และสั่งกาแฟเพิ่มท็อปปิงพิเศษราคาแพงอย่างโคลด์โฟมมากขึ้น และยอดขายเครื่องดื่มแก้วใหญ่มากกว่าเครื่องดื่มแก้วเล็ก
นอกจากนี้ ยอดขายสตาร์บัคส์ในจีนที่เปิดทำการอย่างน้อย 13 เดือน ในไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 2 ก.ค. พุ่ง 46% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่หนุนการเติบโตของสตาร์บัคส์ หลังจากได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 เมื่อฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว
“ลักษมัน นราสิมันต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสตาร์บัคส์ เผยว่า รายได้ในจีนไตรมาสล่าสุดโต 51% เมื่อเทียบปีก่อน และในเดือน ก.ค. จีนมีสาขาสตาร์บัคส์ทั้งหมด 6,500 สาขา
“จีนเป็นตลาดที่สร้างโอกาสให้เรามากมาย และธุรกิจสตาร์บัคส์ในจีนยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น” นราสิมันต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายในจีนเติบโต แต่โดยทั่วไปแล้วคนจีนดื่มกาแฟเพียง 12แก้วต่อปี ต่างกับสหรัฐที่ดื่ม 380 แก้วต่อปี
ทั้งนี้ เมื่อรวมยอดขายในสหรัฐและจีน ทั้งสองประเทศมีสัดส่วนสร้างรายได้ให้สตาร์บัคส์ 61%