'ดิสนีย์' จ่อขึ้นราคาสตรีมมิงเพิ่ม 27% จ่าย 491บาท/เดือน เร่งฟื้นกำไรบริษัท

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี เผยว่า ดิสนีย์ เตรียมขึ้นราคาบริการสตรีมมิงของบริษัทเกือบทั้งหมด เพื่อเร่งทำกำไรให้ธุรกิจ โดยดิสนีย์พลัสแบบไร้โฆษณา จะมีค่าบริการอยู่ที่ 13.99 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือราว 491 บาทต่อเดือน เพิ่มขึ้น 27% เริ่มตั้งแต่ 12 ต.ค. เป็นต้นไป ส่วนดิสนีย์พลัสที่มีโฆษณา มีค่าบริการอยู่ที่ 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือน และดิสนีย์จะขยายบริการที่มีโฆษณาไปยังบางตลาดในทวีปยุโรปและในแคนาดา โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ดิสนีย์ยังขึ้นราคาสตรีมมิงฮูลูแบบไร้โฆษณาเป็น 17.99 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากราคาเดิม 20% ส่วนบริการฮูลูที่มีโฆษณา ค่าบริการอยู่ที่ 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือนเหมือนดิสนีย์พลัส

ขณะที่สตรีมมิงรายอื่น อย่างเน็ตฟลิกซ์ มีแผนคิดค่าบริการพื้นฐานแบบไร้โฆษณาที่ 15.49 ดอลลาร์ต่อเดือน และสตรีมมิงแม็กซ์ของค่ายวอร์เนอร์ บราส์ ดิสคัฟเวอรี มีค่าบริการไร้โฆษณาอยู่ที่ 15.99 ดอลลาร์ต่อเดือน

การปรับขึ้นราคาสตรีมมิงของดิสนีย์ทั้งสองแพลตฟอร์ม ที่เกือบมีราคาสูงเทียบเท่าสตรีมมิงรายอื่น บ่งชี้ว่า ดิสนีย์เชื่อว่าเนื้อหาของสตรีมมิงบริษัท สามารถแข่งขันกับสตรีมมิงรายอื่นได้

• ผลประกอบการดิสนีย์

สำนักข่าวรอยเตอร์ เผยว่า รายได้ไตรมาส 3 ดิสนีย์ขาดทุนเพียง 512 ล้านดอลลาร์ จากเดิมขาดทุน 1,100 ล้านดอลลาร์เมื่อปีก่อน ขณะที่สมาชิกเพิ่มขึ้น 800,000 คน น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 100,000 คน

ส่วนสมาชิกดิสนีย์ฮอตสตาร์ในอินเดียลดลง 12.5 ล้านคน หรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของสมาชิกทั้งหมด เนื่องจากยกเลิกลิขสิทธิ์ฉายรายการแข่งขันคริกเก็ตพรีเมียร์ลีกอินเดีย

รายได้ในไตรมาสสิ้นสุด 1 ก.ค. เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน สู่ระดับ 22,230 ล้านดอลลาร์ แต่น้อยกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์

 

ส่วนธุรกิจโทรทัศน์ของดิสนีย์ชะลอตัวลง เนื่องจากต้นทุนการผลิตรายการกีฬาสูงขึ้น และรายได้จากคู่ค้าลดลง ฉุดผลประกอบการรายการโทรทัศน์รายได้ลดลง 7% สู่ระดับ 6,700 ล้านดอลลาร์ และรายได้จากการดำเนินงานดิ่งแรง 23% สู่ระดับ 1,900 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี รายได้จากธุรกิจ D2C เพิ่มขึ้น 9% สู่ระดับ 5,500 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากรายได้เฉลี่ยจากสมาชิกสตรีมมิงดิสนีย์พลัสและฮูลูเพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่รายได้จากคอนเทนต์และผลงานลิขสิทธิ์ ซึ่งรวมถึงรายได้ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ ขาดทุนจากการดำเนินงาน 243 ล้านดอลลาร์ มากกว่าปีที่แล้ว ที่ขาดทุนเพียง 27 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากภาพยนตร์บ้างเรื่อง มีรายได้ไม่น่าพึงพอใจ เช่น ภาพยนตร์ “The Little Mermaid”

ด้านธุรกิจสวนสนุก สินค้าและประสบการณ์ของดิสนีย์ มีรายได้เพิ่ม 13% สู่ระดับ 8,300 ล้านดอลลาร์ และรายได้จากการดำเนินงานโต 11% สู่ระดับ 2,400 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากรีสอร์ทดิสนีย์ในเซี่ยงไฮ้ฟื้นตัว และเปิดให้บริการเต็มที่ทั้งไตรมาส แต่รายได้รีสอร์ทวอลท์ดิสนีย์เวิลด์ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐ กลับลดลง