ผู้ส่งออกข้าวเวียดนาม เจรจาขึ้นราคาข้าว หลังอินเดียระงับส่งออก
หลังอินเดียะงับส่งออกข้าว ยกเว้นข้าวบาสมาติ ผู้ส่งออกข้าวเวียดนาม เริ่มเจรจาต่อรองขึ้นราคาข้าวอยู่ที่ 580-630 ดอลลาร์ต่อตัน
สำนักข่าวรอยเตอร์ อ้างอิงแหล่งข่าวการค้าข้าว 2 แห่ง เผยว่า ผู้ส่งออกข้าวเวียดนาม เจรจาต่อรองขึ้นราคาข้าวประมาณ 500,000 ตัน ขณะที่ราคาข้าวทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี หลังอินเดียระงับส่งออกข้าวไปต่างประเทศเมื่อเดือนก่อน
ถือเป็นข้อมูลแรกที่ยืนยันได้ว่า ข้าวราคาเพิ่มสูงขึ้นเพราะอินเดียระงับส่งออกข้าว
รอยเตอร์รายงานว่า ผู้ส่งออกข้าว ขึ้นราคาข้าวประมาณ 20% ตั้งแต่อินเดียระงับส่งออกข้าวอื่นที่ไม่ใช่ข้าวขาวบาสมาติเมื่อเดือนก่อน ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มเปราะบางที่สุดในเอเชียและแอฟริกา มีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออาหารมากขึ้น ขณะที่ยังประสบกับซัพพลายข้าวลดน้อยลง เพราะสภาพอากาศแปรปรวน และสงครามในยูเครน
แหล่งข่าวจากบริษัทค้าข้าวระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง เผยว่า ในเดือน ส.ค. ผู้ซื้อยอมซื้อสินค้าบางชนิดในราคาที่สูงขึ้น และเสริมว่า ข้าวประมาณ 200,000 ตัน เริ่มจัดส่งในเดือนนี้ ขณะที่อีก 300,000 ตัน ยังไม่เตรียมจัดส่งที่ท่าเรือสินค้าเวียดนาม
ผู้ค้าข้าวในสิงคโปร์ บอกว่า ประเทศนำเข้าข้าว ทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ต้องจ่ายเงินซื้อข้าวหอมของเวียดนาม เพิ่มขึ้นประมาณ 30-80 ดอลลาร์ต่อตัน จากเดิมสัญญาซื้อข้าวอยู่ที่ 550 ดอลลาร์ต่อตัน ทำให้ผู้จำหน่ายข้าวมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 15-40 ล้านดอลลาร์ ในช่วงก่อนอินเดียระงับส่งออกข้าวในเดือน ก.ค.
ตัวแทนจำหน่ายข้าวในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ที่จำหน่ายข้าวทั่วโลก บอกว่า ทั้งผู้ซื้อและผู้จำหน่าย แบกรับต้นทุนส่วนหนึ่งของราคาข้าวที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาในท้องถิ่นแพงขึ้น แต่ผู้จำหน่ายไม่ได้เพิ่มราคาข้าวให้เทียบเท่าราคาข้าวในตลาดปัจจุบัน
ตัวอย่างเช่น ข้าวหอมมะลิเวียดนาม ราคาพุ่งสูงถึง 700 ดอลลาร์ต่อตัน แต่มีการเจรจาซื้อข้าวใหม่ จึงเหลืออยู่ที่ 580-630 ดอลลาร์ต่อตัน
อย่างไรก็ตาม ช่วงราคาข้าวดังกล่าว ยังถือว่าผู้ซื้อต้องจ่ายค่าข้าวเพิ่มขึ้นจากสัญญาซื้อข้าวที่ 550 ดอลลาร์ต่อตัน