'World Food India 2023' โอกาสทองลงทุนแปรรูปอาหาร
ความสัมพันธ์ด้านอารยธรรมที่หยั่งรากลึกระหว่างอินเดียกับไทย อันมีรากฐานมาจากมรดกทางศาสนาและวัฒนธรรมนานนับพันปีมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก ยิ่งอินเดียเติบโตมากขึ้นเท่าใดดูเหมือนว่าโอกาสจะเปิดมากเท่านั้น หากนักลงทุนไทยคว้าโอกาสได้ถูกจังหวะ
กระทรวงอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทยจัดงาน World Food India 2023 Roadshow ขึ้นเมื่อวันก่อน เพื่อเน้นย้ำจุดแข็งด้านอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของอินเดีย และเชิญนักลงทุนชาวไทยไปร่วมงานใหญ่ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยเอกอัครราชทูตนาเกช ซิงห์ ได้ฉายภาพถึงการติดต่ออย่างลึกซึ้งระหว่างประชาชนกับประชาชนของทั้งสองประเทศและการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน อีกทั้งนโยบาย Act East ของอินเดียและ Act West ของไทยได้ให้กรอบเค้าโครงอันแข็งแกร่งสำหรับสร้างพันธมิตรร่วมสมัยอันหลากหลาย ด้วยการมุ่งเน้นกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า
“ทำเลยุทธศาสตร์ของไทยที่เป็นหัวใจอาเซียน และเป็นเพื่อนบ้านทางทะเลของอินเดีย ทำให้ไทยเป็นเสาหลักสำคัญในยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกของอินเดีย” ทูตอินเดียย้ำถึงความสำคัญของไทย
ฉายภาพอินเดีย
ทูตกล่าวด้วยว่า อินเดียวันนี้ไม่ใช่แค่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดและใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก แต่ยังผงาดขึ้นมาเป็นตะกร้าอาหารโลกอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานอินเดียจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นตลาดผู้บริโภคใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกเช่นกัน ที่เป็นแล้วคือผู้ผลิตสินค้าเกษตรชั้นนำหลากหลายชนิด เช่น ซีเรียล ผลไม้ ผัก ผลิตภัณฑ์นม ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ
อินเดียเป็นผู้ผลิตข้าว ข้าวสาลี และธัญพืชอื่นๆ อาทิ ข้าวโพด ข้าวฟ่างรายใหญ่สุดของโลก เป็นผู้ผลิตเครื่องเทศ นม เมล็ดถั่ว รายใหญ่สุด ทั้งยังเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดของโลก ครองส่วนแบ่งตลาดโลกเกือบ 50% เป็นผู้ผลิตไข่ อันดับ 3 ของโลก ผลิตเนื้ออันดับ 8 ของโลก
ภาคส่วนการแปรรูปอาหารของอินเดียพัฒนาการเร็วมาก มีศักยภาพทำให้อินเดียเป็นฮับอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารที่ไม่ใช่แค่ตอบสนองความต้องการภายในประเทศเท่านั้น แต่รวมถึงความต้องการของตลาดโลกด้วย แม้แต่ปัจจุบันภาคส่วนการแปรรูปอาหารของอินเดียก็ใหญ่สุดประเทศหนึ่งของโลกอยู่แล้ว พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเครื่องมือเชื่อมเกษตรกรกับผู้บริโภค เพื่อส่งเสริมให้ภาคส่วนการแปรรูปอาหารแข็งแกร่งยิ่งขึ้น รัฐบาลอินเดียจึงเปิดตัวโครงการ Production Linked Incentive (PLI) อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยตรงในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร 100% ภายในปี 2025 คาดว่า ตลาดแปรรูปอาหารของอินเดียจะทะลุ 5.35 แสนล้านดอลลาร์ อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR rate) ที่ 15.2%
จุดแข็งประเทศไทย
การจัดงานโรดโชว์ที่กรุงเทพฯ นับเป็นโอกาสดีของกระทรวงอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
เพราะไทยได้รับการขนานนาม “ครัวโลก” มานานแล้ว เนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย แรงงานทักษะสูง งานวิจัยแข็งแกร่ง ภาคการผลิตมีความสามารถสูง ไทยยังเป็นหนึ่งในผู้นำโลกที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคส่วนการแปรรูปอาหารและสินค้าเกษตร
อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของไทยพัฒนามากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยมีกิจการแปรรูปอาหารราว 130,000 แห่ง ผลิตสินค้าคุณภาพสูงป้อนตลาดในประเทศและส่งออก ภายใต้ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ไทยตั้งเป้าเป็นผู้ส่งออกอาหารแปรรูประดับท็อปเท็นของโลกภายใน พ.ศ.2570 และเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดฟิวเจอร์ฟู้ดโลก
พ.ศ.2565 มูลค่าการส่งออกอาหารของไทยอยู่ที่ 3.88 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าส่วนผสมอาหารของไทยอยู่ที่ 3.3 พันล้านดอลลาร์ ด้วยความต้องการอาหารแปรรูปที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ ผู้แปรรูปอาหารของไทยต้องนำเข้าส่วนผสมที่ไม่มีในท้องถิ่นเป็นปริมาณมาก
“ผมคิดว่าอินเดียซึ่งเป็นเพื่อนบ้านทางทะเลสามารถร่วมมือกับธุรกิจไทยในด้านนี้ได้ และสามารถเป็นซัพพลายเออร์ส่วนผสมอาหารชั้นนำให้กับประเทศไทย อุตสาหกรรมของเราทั้งสองก็จะเติบโตไปด้วยกันในตลาดโลก” ทูตอินเดียกล่าว
สิ่งที่ทูตเล่ามาเป็นเพียงหนังตัวอย่าง อยากรู้ซึ้งถึงโอกาสความร่วมมือระหว่างไทยกับอินเดียต้องไปดูให้เห็นด้วยตา กระทรวงอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและรัฐบาลอินเดียจะจัดงาน World Food India (WFI) 2023 ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 3-5 พ.ย. ที่กรุงนิวเดลี งานนี้จะเป็นการรวมตัวกันของนักลงทุน นักอุตสาหกรรม ผู้ผลิต บริษัทแปรรูปอาหาร ผู้กำหนดนโยบาย และองค์กรจากอีโคซิสเต็มอาหารโลก ซึ่งผู้ประกอบการไทยจะได้ประโยชน์จากการเข้าร่วมงานและจากภาคส่วนการแปรรูปอาหารของอินเดีย
จากปากคำของทูตถึงปากคำนักธุรกิจ ปริญญา ปาลซิงห์ ประธานฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ ไทย-อินเดีย สำนักเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า อินเดียมีโอกาสอีกมากให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนหรือขยายตลาด
“ก็อยากจะขอเรียนเชิญผู้ประกอบการไทย ผมคิดว่าตลาดประเทศไทยน่าจะอิ่มตัวแล้วควรขยายตลาดเพิ่มที่อินเดีย ตลาดไทยมี 70 ล้านคนแต่ที่นั่นมี 1,400 ล้าน ปัญหาที่อาจจะเจอช่วงแรกๆ คือกฎของแต่ละรัฐไม่เหมือนกัน อาจต้องปรับสภาพ” ปริญญากล่าวพร้อมย้ำว่า ตลาดอินเดียนอกจากจะใหญ่แล้วผู้บริโภคยังหลากหลายมากกำลังซื้อหลายระดับ เบื้องต้นจึงอยากเชิญผู้ประกอบการไทยไปร่วมงาน World Food India (WFI) 2023 เพื่อมองเห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ของอินเดีย