ฟิลิปปินส์กำหนดเพดานราคาข้าวทั่วประเทศ หลังราคาขายปลีกพุ่ง
ปธน.ฟิลิปปินส์อนุมัติกำหนดเพดานราคาข้าวทั่วประเทศ หลังราคาขายปลีกพุ่ง โดยราคาข้าวของหลายประเทศในเอเชียพุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี เนื่องจากผู้นำเข้าข้าว กักตุนข้าวเพิ่ม เพราะกลัวว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ จะทำให้พื้นที่เพาะปลูกแห้งแล้ง
สำนักงานสื่อสารของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์ระบุในวันนี้ (1 ก.ย.) ว่า ปธน.มาร์กอสอนุมัติข้อเสนอกำหนดเพดานราคาข้าวทั่วประเทศผ่านคำสั่งบริหาร (EO) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากราคาข้าวค้าปลีกในประเทศพุ่งทะยานขึ้นจนน่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในทันที โดยจะจำกัดเพดานราคาข้าวขาวทั่วไปที่ 41 เปโซต่อกิโลกรัม ส่วนข้าวสีดี (well-milled) อยู่ที่ 45 เปโซต่อกิโลกรัม
"คำสั่งจำกัดเพดานราคาข้าวนี้จะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบจนกว่าท่านประธานาธิบดีมาร์กอสจะอนุมัติให้ยกเลิกตามคำแนะนำของสภาประสานงานด้านราคา หรือกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ (DA) และกระทรวงอุตสาหกรรมการค้าฟิลิปปินส์ (DTI)" เนื้อความใน EO ระบุ
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. DA รายงานว่า ราคาข้าวขาวทั่วไปในตลาดกรุงมะนิลาอยู่ที่ 42?45 เปโซต่อกิโลกรัม ส่วนข้าวสีดีอยู่ที่ 48?56 เปโซต่อกิโลกรัม
ปธน.มาร์กอสระบุใน EO ว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ข้าวราคาแพงและรับประกันว่าประชาชนชาวฟิลิปปินส์จะซื้อข้าวได้โดยไร้ปัญหา
"ราคาข้าวขายปลีกที่พุ่งทะยานขึ้นในฟิลิปปินส์ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเงินของชาวฟิลิปปินส์อย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มคนชายขอบ"
การกำหนดเพดานราคาข้าวของฟิลิปปินส์มีขึ้นหลังจากราคาข้าวของหลายประเทศในเอเชียพุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี เนื่องจากผู้นำเข้าข้าว กักตุนข้าวเพิ่ม เพราะกลัวว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ จะทำให้พื้นที่เพาะปลูกแห้งแล้ง และพืชผลเสียหาย และไทย ผู้ส่งออกข้าวอันดับที่ 2 ของโลก อาจได้รับผลกระทบหนัก
ด้านองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก เผยว่า เอลนีโญเกิดขึ้นในภูมิภาคแปซิฟิกเขตร้อนเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห้งแล้ง