‘ไทย’ เปิดเกมรุก ทวงคืนส่วนแบ่ง นทท.จีน
ระบบการเชื่อมโยงบูรณาการข้อมูลนักท่องเที่ยว 3 หน่วยงาน จะเอื้อประโยชน์กับกลุ่มทัวร์จากจีนโดยตรง และ ททท.จะได้ยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้
การท่องเที่ยวและธุรกิจการบริการทำรายได้กว่า 1.25 ล้านล้านบาท ในปี 2565 มีส่วนสำคัญนำไปพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่นที่เริ่มขึ้นในต้นเดือน ต.ค. จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งการตรวจลงตรา (วีซ่า) เป็นเหมือนประตูต้อนรับนักท่องเที่ยว หากการยื่นวีซ่าเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว จะเอื้อประโยชน์ต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวและยอดนักเดินทางมายังประเทศไทย
กรมการกงสุล กรมการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ว่าด้วยเรื่องการเชื่อมโยงบูรณาการข้อมูลนักท่องเที่ยวในเฟส1 เพื่อเชื่อมโยงด้วยระบบ API/Linkage ท่ามกลางนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่กลับมาเดินทางเป็นปกติ รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนด้วย
“รุจ ธรรมมงคล” อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศเล่าว่า ในสัปดาห์หน้าจะเริ่มทดสอบระบบการทำงาน และมั่นใจว่า ระบบมีความเสถียรที่จะช่วยเชื่อมโยงข้อมูลนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางเข้าประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
บล็อกเชน เช็ก-อนุมัติวีซ่า
ระบบนี้ ได้รวบรวมข้อมูลและเข้ารหัสในลักษณะบล็อกเชน ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)ตรวจสอบ และเชื่อมโยงระบบกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งยังจัดเก็บเป็น Data Analytics ทำให้การตรวจลงตราควบคู่กับการคัดกรองและการอำนวยความสะดวกการเดินทาง ปกติ 4 วันก็จะเร็วขึ้นเป็น 2-3 วัน
“ในจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทย มีผู้ที่ขอวีซ่า on Arrival ประมาณ 80% ส่วนอีก 20% ขอผ่านระบบ e-Visa ยืนยันว่า ระบบตอบสนองความต้องการด้วยดี จะมีปัญหาบ้างสำหรับบริษัทท่องเที่ยวที่อาจต้องอัปโหลดเอกสารของลูกทัวร์หลายร้อยคนจำนวนมากและทีเดียวกัน” รุจกล่าวและย้ำว่า ระบบนี้จะเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทัวร์จากจีนโดยตรง และ ททท.จะได้ยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้แน่นอน
ลิงก์ 3 ระบบ ไฟเขียววีซ่า
ระบบนี้มีกระบวนการที่สำคัญ ได้แก่ 1.การเชื่อมโยงระบบสารสนเทศใบสั่งงานมัคคุเทศก์ (Job Order) และที่เกี่ยวข้องกับระบบ VISA Pre-Scan System (VPSS) Gateway ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำกับดูแลและระบบการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) ของกรมการกงสุล
2.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตรวจสอบกับข้อมูลต้นทาง อาทิ บัตรโดยสารเครื่องบิน ที่พัก โปรแกรมนำเที่ยว ประกันภัยให้ถูกต้องของรายละเอียดการนำเที่ยว เป็นต้น
3.กรมการกงสุลใช้ข้อมูลดังกล่าวในการพิจารณาเป็นข้อมูลประกอบในการตรวจลงตราให้กับนักท่องเที่ยวที่ผ่านบริษัททัวร์ในการขอรับการตรวจลงตรา ผ่านระบบ e-Visa เพื่อเข้าไทย
รุจ กล่าวด้วยว่า ในระยะต่อไปจะพัฒนาเป็นโครงการระยะกลางและระยะยาว ส่วนการดำเนินงานเฟส2 จะขยายต่อให้กับบริษัทท่องเที่ยวอื่นๆ ของจีน ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนกับไทย รวมถึงขยายระบบใช้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และปรับใช้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ
รอนโยบายฟรีวีซ่า รบ.ใหม่
ส่วนเรื่องฟรีวีซ่า ทางกรมการกงสุลแสดงความพร้อม และรอรับฟังแนวนโยบายรัฐบาลว่า จะให้ฟรีวีซ่าระยะเวลาเท่าไร เพื่อจะดำเนินงานได้ทันที ถึงอย่างไร โลกปัจจุบันที่สถานการณ์ความขัดแย้งทั่วไปมีอยู่มาก เข้าใจว่าแทนที่นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางไปยุโรปหรือสหรัฐ ก็เริ่มกลับหันมามองและสนใจท่องเที่ยวในประเทศเอเชีย ท่ามกลางตลาดท่องเที่ยวแข่งขันกันทั่วโลก เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนมหาศาล และมีอำนาจจับจ่ายใช้ส่อยจำนวนมาก ได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศของตนเอง
ย้ำมาตรการเข้มเพื่อกลั่นกรองนทท.
สำหรับข้อห่วงกังวลเรื่องมาตรการกลั่นกรองนักท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ รุจ กล่าวว่า ระบบ Job Order ของกรมการท่องเที่ยว ซึ่งได้แก้ไข พรบ.บางส่วน เพื่อกำหนดให้บริษัทที่พานักท่องเที่ยวชาวจีนต้องกรอกข้อมูลรายละเอียดลูกทัวร์ทั้งหมด สำหรับเช็กประวัติการเดินทางนักท่องเที่ยวทุกคน และแชร์ข้อมูลส่วนนี้ให้กับหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ในเฟสต่อไป
“ระบบ Job Order ช่วยรวบรวมและตรวจสอบข้อมูลไปในเวลาเดียวกันว่า นักท่องเที่ยวถือพาสปอร์ตเลขที่นี้ ได้เดินทางด้วยเที่ยวบินไหน พักโรงแรมอะไร แล้วเดินทางออกไปตามระยะเวลาที่วีซ่าอนุญาตหรือไม่ ถือเป็นการตรวจสอบระบบแบบครบวงจร” จาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าว
จาตุรนต์ มองว่า ระบบการเชื่อมโยงบูรณาการข้อมูลนักท่องเที่ยวนี้ จะมีส่วนสำคัญช่วยส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ สร้างรายได้ให้กับประเทศ ขณะเดียวกัน จะเป็นฐานข้อมูลของนักท่องเที่ยวที่สามารถนำไปประมวลและวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงและจัดทำแผนท่องเที่ยวในอนาคตให้เหมาะสม