รถอีวีจีนเฉิดฉายงาน IAA หวังขยายธุรกิจ รุกตลาดยุโรป
รถอีวีจีนเฉิดฉายงาน IAA หวังขยายธุรกิจ รุกตลาดยุโรป และถ้าผู้ผลิตรถยนต์จีนเข้าสู่ตลาดตามปกติ จะทำให้แบรนด์ที่ครองตลาดยุโรปเสียส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 5% ภายในปี 2573
งาน Internationale Automobil-Ausstellung หรืองานไอเอเอ ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เป็นหนึ่งในงานจัดแสดงยานยนต์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดงานหนึ่งของโลก และปีนี้เต็มไปด้วยบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่เล็งขยายตลาดในทวีปยุโรป ถือเป็นการสร้างความท้าทายแก่แบรนด์รถยนต์อื่น ๆ ตั้งแต่บีเอ็มดับเบิลยูไปจนถึงฟอร์ด ในยุคที่แบตเตอรียานยนต์กำลังมาแรง
ปีนี้ แบรนด์รถยนต์และสตาร์ตปอัปจีน ได้พื้นที่จัดแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุด พร้อมจัดงานแถลงข่าวและเปิดตัวรถยนต์สุดอลังการ ตอกย้ำถึงความตั้งใจขยายธุรกิจในตลาดยุโรป
จีน ซึ่งเป็นประเทศตลาดยานยนต์อีวีใหญ่ที่สุดในโลก มีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเกิดใหม่มากมายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยแรงหนุนจากเงินสนับสนุนของรัฐบาล และเงินทุนจากธุรกิจร่วมลงทุนหรือวีซี (venture capital) แต่เมื่อตลาดยานยนต์ในบ้านชะลอตัวลง เนื่องจากผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง หลังจีนยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 กระทันหัน บวกกับตลาดยุโรปมีความน่าสนใจ บริษัทรถยนต์จีน จึงแห่เปิดตัวรถยนต์ในต่างประเทศและขยายกิจการไปยังตลาดอื่น ๆ
“แดเนียล โรเอสกา” หัวหน้านักวิเคราะห์วิจัยจากเบิร์นสไตน์รีเสิร์ช เผยกับซีเอ็นบีซีผ่านอีเมลว่า “ยุโรปเป็นหนึ่งในตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดรองจากจีน ถ้าแบรนด์รถยนต์จีนต้องการรักษาการเติบโตนอกเหนือจากตลาดในบ้าน ก็เหมาะสมแล้วที่หันมามองตลาดยุโรป เนื่องจากยุโรปต้องการยกเลิกใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ภายในปี 2578 จึงผลักดันให้ตลาดเปลี่ยนไปสนใจรถยนต์อีวีมากขึ้น แต่รถยนต์แบรนด์ยุโรปยังไม่มีรุ่นที่สมบูรณ์แบบมากพอ ทำให้แบรนด์รถยนต์จีนเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดได้ง่าย”
ในช่วงเช้าวันแรกของงาน ลีปมอเตอร์ (Leapmotor) แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนจากหางโจว ประกาศแผนนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น C10 หรือรถเอสยูวี จำหน่ายในตลาดยุโรปปีหน้า และอีก 2 ปี บริษัทเตรียมเปิดตัวรถยนต์ระดับโลก 5 รุ่นไปทั่วโลก
ขณะที่บีวายดี แบรนด์รถยนต์จีนที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ลงทุน เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าซีดานรุ่น Seal เมื่อวันจันทร์ (4 ก.ย.) ราคาเริ่มต้นที่ 44,900 ยูโร หรือราว 1,714,000 บาท แต่แพงกว่าเทสลา Model 3 ในเยอรมนี ที่มีราคาเริ่มต้น 42,990 หรือราว (1,641,000 บาท) และบีวายดี ยังประกาศแผนขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ ด้วย
ด้านแบรนด์เสี่ยวเผิง (Xpeng) เผยเมื่อวันจันทร์ (4 ก.ย.) ว่า บริษัทเตรียมขยายธุรกิจในตลาดเยอรมนีปี 2567 ปัจจุบันบริษัทจำหน่ายรถยนต์ซีดาน P7 และรถเอสยูวี G9 ในนอร์เวย์ สวีเด เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์แล้ว
“เบรน กู” ประธานบริษัทเสี่ยวเผิง บอกว่า บริษัทเล็งจำหน่ายรถยนต์ G6 รุ่นล่าสุดในยุโรปปีหน้า ตอกย้ำถึงแผนผลักดันขยายธุรกิจไปทั่วโลก
เมื่อแบรนด์รถยนต์จีนบุกตลาดยุโรป แบรนด์เหล่านั้นจึงกลายเป็นอุปสรรคต่อผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ที่เปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าช้าเกินไป
นักวิเคราะห์จากเบิร์นสไตน์ ย้ำในรายงานที่เผยแพร่เมื่อเดือน มิ.ย. ว่า ถ้าผู้ผลิตรถยนต์จีนเข้าสู่ตลาดตามปกติ จะทำให้แบรนด์ที่ครองตลาดยุโรปเสียส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 5% ภายในปี 2573 และผู้เล่นรายใหม่จากจีนอาจแย่งส่วนแบ่งตลาดยุโรปสูงสุด 20% หากแบรนด์เหล่านั้นเข้ามาในตลาดยุโรปอย่างดุเดือดเกินคาดหมาย
อย่างไรก็ตาม แบรนด์รถยนต์จีนต่างประสบปัญหาจากการเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้นในประเทศ รวมถึงตลาดนอกบ้าน เนื่องจากเทสลาเริ่มทำสงครามราคารถยนต์อีวีช่วงต้นปีนี้ จนสร้างความกดดันด้านกำไรและรายได้ของผู้เล่นรายเล็กในจีน เช่น เสี่ยวเผิง
ในขณะที่ต่อสู้กับการแข่งขันที่สูงขึ้น และต้องไล่ตามกลยุทธ์เทสลาให้ทัน ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู และเมอร์เซเดซ-เบนซ์ ต่างเปิดตัวแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าเฉพาะ ซึ่งจะช่วยหนุนธุรกิจยานยนต์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
กู ประธานบริษัทรถยนต์เสี่ยวเผิง บอกว่า “ผมคิดว่า บริษัทขนาดเล็กอย่างผม เราพยายามเรียนรู้จากอุปสรรคแต่ละขั้นที่เราเผชิญ รวมถึงเรียนรู้จากการแข่งขันในตลาด และพาร์ทเนอร์ที่เรามี แต่เรามีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีของเรา เรามั่นใจในสินค้าของเรา”
ความท้าทายอีกอย่างสำหรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าจีนคือ การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่น่าจดจำ ซึ่งสิ่งนี้เป็นบททดสอบที่อาจทำให้งบประมาณด้านการตลาดบานปลาย และใช้ระยะเวลานานในการสร้างชื่อเสียงของแบรนด์
“ปีเตอร์ ริชาร์ดสัน” รองประธานบริษัทวิจัยเทคโนโลยีเคาน์เตอร์พอยท์ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีผ่านอีเมลว่า “เรื่องแบรนด์คือเรื่องใหญ่มาก แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถ้าพวกเขาลงทุนในระยะยาว ตัวอย่างเช่น ฮุนไดและเกีย แบรนด์รถยนต์เกาหลีใต้ ไม่เคยเป็นที่รู้จักในยุโรปตลอด 30 ปีที่ผ่านมา แต่ทั้งสองแบรนด์เติบโตเป็นผู้เล่นในตลาดรายสำคัญได้ เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาและความมุ่งมั่น”