ฮ่องกงถูกวิจารณ์หนัก! รับมือฝนร้อยปีกระหน่ำไม่ดี ระบบสัญจรเป็นอัมพาต
พื้นที่ส่วนใหญ่ของฮ่องกงเป็นอัมพาตหลังฝนตกหนักที่สุดในรอบ 140 ปี ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 132 คน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า ขาดการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
ทางการฮ่องกงประกาศในช่วงบ่ายของวันศุกร์ (8 ก.ย.) ว่าจะยังคงระดับคำเตือนสภาพอากาศเลวร้ายจนถึงอย่างน้อยเที่ยงคืน หลังจากฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนวันพฤหัสบดีทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม และต้องประกาศเตือนภัยฝนตกหนักเป็นระดับสีดำที่เป็นระดับสูงสุด โดยบังคับใช้นาน 16 ชั่วโมงจนถึงเวลา 15.40 น. ซึ่งเป็นการประกาศยาวนานที่สุด ก่อนลดระดับเป็นสีเหลืองและยกเลิกในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา
ทางการฮ่องกงขอให้ธุรกิจต่าง ๆ อนุญาตให้พนักงานที่ไม่มีหน้าที่จำเป็นอยู่บ้านหรือหลบในที่ปลอดภัย เนื่องจากสภาพการเดินทางไม่ปลอดภัย
ฝนตกหนักทำให้ระบบคมนาคมหยุดชะงัก ถนนหลายสายกลายเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยว กระแสน้ำยังทะลักเข้าท่วมสถานีรถไฟใต้ดิน ห้างสรรพสินค้า และลานจอดรถ รวมถึงเกิดดินถล่มและถนนทรุดในหลายจุด นอกจากนี้ตลาดหุ้นยกเลิกการซื้อขายภาคเช้า และโรงเรียนทุกแห่งปิดเรียน
นอกจากนี้ โฆษกรัฐบาล ยังเปิดเผยว่า มีผู้บาดเจ็บ 132 คน ได้รับการนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่ง 4 คน มีอาการสาหัส และ 68 คน ออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ขณะที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยา รายงานล่าสุดว่า วัดปริมาณฝนตกสะสมได้กว่า 600 มิลลิเมตรที่สถานีตรวจวัดสภาพอากาศที่ย่านจิมซาจุ่ยในระยะเวลา 24 ชั่วโมงจนถึง 16.00 น. และเกิน 800 มิลลิเมตรในเขตตะวันออกและใต้ของเกาะฮ่องกง
ก่อนหน้านั้น ศูนย์อุตุนิยมวิทยา รายงานว่า วัดปริมาณฝนได้ 158.1 มิลลิเมตรช่วงระหว่าง 23.00 น.-24.00 น. ของวันพฤหัสบดี (7 ก.ย.) ซึ่งเป็นปริมาณฝนต่อ 1 ชั่วโมงที่วัดได้มากที่สุดนับจากเริ่มบันทึกสถิติในปี 2427
นายจอห์น ลี ผู้ว่าการฮ่องกง ชี้แจงตอบโต้เสียงวิจารณ์ที่ว่ารัฐบาลตอบสนองต่อภัยพิบัติล่าช้า และมีเตรียมการป้องกันน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเตรียมพร้อมรับมือ พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น “เซาลา” พัดขึ้นฝั่งเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว โดยกล่าวว่า ทุกหน่วยงานระดมกำลังบรรเทาภัยพิบัติอย่างรวดเร็วทันทีที่ประกาศเตือนภัยระดับสีดำ แต่ฝนตกหนักเทียบเท่ากับปริมาณฝนสะสมนาน 90 วันในช่วงปกติ และตกหนักมากภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ทั้งยังบอกด้วยว่า การพยากรณ์พายุฝนทำได้ยากกว่าพายุไต้ฝุ่น และระบบพยากรณ์อากาศปัจจุบันทำนายฝนเกินกว่า 70 มิลลิเมตรได้ภายในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้าเท่านั้น จึงไม่สามารถประเมินระยะเวลาและความรุนแรงของฝนตกได้ แต่ก็เห็นด้วยว่า ควรจะมีการทบทวนระบบการเตือนภัยและการสื่อสารกับประชาชนให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ สำนักงานระบายน้ำ ยังบอกว่า ไม่มีเวลาพอเก็บกวาดความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่น “เซาลา” และแม้พายุดังกล่าวไม่ได้ทำให้ฝนตกหนักมาก แต่ลมแรงมากทำให้ต้นไม้หักโค่นและเกิดความเสียหายอื่น ๆ ซึ่งเศษซากเหล่านี้กีดขวางระบบระบายน้ำ ทำให้เมื่อเกิดฝนตกหนักตอนนี้ ระบบระบายน้ำจึงไม่อาจทำงานได้เต็มกำลัง