ประชาคมโลกระดมช่วยลิเบีย คาดยอดเสียชีวิตพุ่งถึง2 หมื่นราย
ประชาคมโลกระดมช่วยเหลือลิเบีย ที่เจออุทกภัยครั้งใหญ่ ในช่วงที่การเมืองในประเทศยังไร้เสถียรภาพ ขณะนายกเทศมนตรีเมืองเดอร์นา หวั่นยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นถึง 20,000 ราย
สหประชาชาติ (ยูเอ็น) และนานาประเทศพากันส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ลิเบีย จากเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ จากอิทธิพลของพายุแดเนียล ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ทำให้เมืองเดอร์นา ที่อยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้รับความเสียหายมากที่สุด เนื่องจากฝนซึ่งตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้มวลน้ำล้นทะลักเขื่อนสองแห่งในพื้นที่ และไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ที่ส่วนใหญ่ก่อสร้างโดยไม่ได้มีมาตรฐานรองรับในยามเกิดภัยพิบัติ
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตยังคงมีความไม่แน่นอน แต่ทุกฝ่ายเชื่อว่ามีจำนวนมากและยังมีผู้สูญหายไม่ต่ำกว่า 10,000 คน โดยรัฐบาลแห่งชาติของลิเบียในภาคตะวันตกที่ยูเอ็นให้การรับรอง รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตว่ามีจำนวนกว่า 3,000 ราย ส่วนรัฐบาลในภาคตะวันออกให้ข้อมูลว่าจำนวนผู้เสียชีวิตมีมากกว่า 5,000 ราย
นอกจากยูเอ็นแล้ว รัฐบาลสหราชอาณาจักร ยืนยันให้เงินช่วยเหลือ 1 ล้านปอนด์ อียิปต์ให้ความช่วยเหลือในการก่อสร้างค่ายที่พักชัวคราว และตุรกี ส่งหน่วยกู้ภัยเข้าสู่พื้นที่ประสบภัย ส่วนแอลจีเรีย กาตาร์ ฝรั่งเศส อิตาลี และตูนิเซีย เสนอมอบความช่วยเหลือให้แก่ลิเบียด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) ส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมปริมาณ 150 ตัน
ปัญหาการเมืองภายในลิเบียที่ยังคงไร้เสถียรภาพ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นอุปสรรคในการมอบความช่วยเหลือ โดยปัจจุบัน ลิเบียแบ่งอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลสองฝ่าย คือฝ่ายตะวันตกและฝ่ายตะวันออก ตั้งแต่ปี 2557 หลังเกิดการลุกฮือและความวุ่นวายจากการขับไล่พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำสูงสุดของลิเบีย เมื่อปี 2554
ด้านนายกเทศมนตรีของเมืองเดอร์นา ที่มีประชากรราว 100,000 คน ประเมินว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในเมืองอาจถึง 18,000-20,000 ราย เมื่อดูจากจำนวนพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมซัดทำลายย่อยยับ
ขณะที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลมีศพเต็มจนไม่สามารถให้บริการได้ และศพจำนวนมากเรียงรายอยู่บนถนนใกล้กับสถานที่เก็บศพ ส่วนทีมฉุกเฉินยังคงเร่งค้นหารอดชีวิตและศพใต้กองซากปรักหักพัง รวมทั้งประกาศของถุงใส่ศพเพิ่ม และเจ้าหน้าที่พยายามเร่งจัดการฝังศพตามประเพณีของชาวอิสลาม
ความเสียหายเป็นบริเวณกว้างเนื่องจากพายุแดเนียลพัดถล่มเมืองชายฝั่งภาคตะวันออก ทำให้ลิเบียเผชิญภารกิจค้นหากู้ภัยครั้งมโหฬาร และต้องเคลียร์ถนนและเศษซากปรักหักพังเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต ถนนเต็มไปด้วยโคลนท่วมสูง ต้นไม้หักโค่น และซากรถยนต์หลายร้อยคัน อาคารบ้านเรือนพังเสียหายย่อยยับ และบริเวณชายหาดเต็มไปด้วยเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของต่าง ๆ ที่ถูกซัดออกซากบ้านเรือนด้วยกระแสน้ำ
ด้านคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (IRC) บอกว่า ลิเบียเผชิญวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งเลวร้ายอย่างที่ไม่ประสบมาก่อน และ IRC กำลังประเมินสถานการณ์เพื่อจัดสรรความช่วยเหลือ และเรียกร้องให้ประชาคมโลกยื่นมือช่วยเหลือ
ความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ทยอยหลั่งไหลเข้าสู่ลิเบียเกิดขึ้น หลังจากรัฐบาลลิเบียประกาศขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทีมกู้ภัยและค้นหา 168 คนจากตุรกีเดินทางถึงลิเบียแล้ว
ส่วนกาตาร์จัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึง อุปกรณ์สำหรับโรงพยาบาลสนาม เครื่องสูบน้ำ เตนท์ และผ้าห่ม อิตาลีส่งทีมกู้ภัย ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่คุ้มครองพลเรือน ออกเดินทางมุ่งหน้าไปลิเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ส่งเครื่องบิน 2 ลำบรรทุกอาหาร และเวชภัณฑ์ 150 ตันไปยังลิเบีย
นอกจากนี้ ชาติยุโรป ซึ่งรวมถึงเยอรมนี โรมาเนียและฟินแลนด์ เสนอให้เตนท์ เตียงสนามและผ้าห่ม เครื่องปั่นไฟ 80 เครื่องและอาหาร โรงพยาบาลสนาม และถังน้ำขนาดใหญ่
ความเสียหายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในลิเบียครั้งนี้มาจาก 2 ปัจจัยใหญ่ คือ พายุที่รุนแรงขึ้นจากการภาวะโลกร้อน และการขาดการเตรียมพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติเนื่องจากลิเบียอยู่ในสภาวะสงครามกลางเมือง นับตั้งแต่กัดดาฟี ผู้นำเผด็จการที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนและสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธ ถูกสังหารในปี 2554