กต. เล็งเชื่อมระบบแบล็คลิสต์ - วอตช์ลิสต์ ยกระดับมาตรการวีซ่าฟรี
‘กรมการกงสุล’ ยืนยันความพร้อมให้บริการวีซ่าฟรี 25 ก.ย. ยืนยันมาตรการคัดกรองคนเข้าเมืองเข้ม ชี้อนาคตจะลิงก์ข้อมูลร่วมกับจีน
นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงสุล กล่าวในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า) และยกเว้นค่าธรรมเนียม หรือวีซ่าฟรี เริ่มในวันที่ 25 ก.ย. 2566 - 29 ก.พ.67 ว่า เรื่องนี้เป็นมาตรการพิเศษและชั่วคราว ได้มีการเตรียมความพร้อมดำเนินงานอย่างเต็มที่และรอบคอบ
พบผิดกฎหมาย ยกเลิกตลอดเวลา
นายนฤชัยกล่าวว่า ฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่า มีกลุ่มชาวจีนเข้ามาเป็นจำนวนมากแล้วเข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ในระหว่างนั้นหน่วยงานความมั่นคง จะประเมินผลการใช้มาตรการดังกล่าวอยู่ตลอดเวลา สามารถยกเลิกได้ตลอดเวลา จึงขอให้มั่นใจว่า เรามีขั้นตอนการดำเนินงานที่ช่วยปกป้องความมั่นคงของประเทศ
มาตรการนี้ เป็นการพิจารณาร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเห็นชอบร่วมกันตามนโยบายของรัฐบาล โดยหน่วยงานความมั่นคงทำหน้าที่ตรวจสอบเอกสารของนักเดินทางที่จุดตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยได้ผ่านการคัดกรองอย่างรอบคอบและถี่ถ้วน
"กรมการกงสุลศึกษาและเตรียมการมาตรการนี้แบบเร่งด่วนแต่รอบคอบ ตามที่นายกรัฐมนตรีเศรษฐาทวีสินได้ประกาศนโยบายนี้กับรัฐสภา ขณะที่นายปานปรีย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้ารับตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ให้ผมเข้าไปสรุปเรื่องนี้ สะท้อนถึงให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก จนได้ข้อสรุปและนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในวันอังคารที่ผ่านมา (12ก.ย.)" รองอธิบดีนฤชัยกล่าว
วีซ่า ไม่ใช่คำตอบเดียว กระตุ้น นทท.
“วีซ่าไม่ใช่ประเด็นหลักหรือประเด็นเดียวที่จะทำให้นักเดินทางต่างชาติเข้ามาไทยได้เป็นจำนวนมาก เหมือนกับคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ ก็ขึ้นอยู่กับความนิยมและสนใจ โดยที่ไม่นึกถึงเรื่องให้วีซ่าฟรีอย่างเดียวด้วยซ้ำไป เพราะถ้าเราไม่สนใจจะไป ต่อให้เขาให้วีซ่าฟรี ก็อาจไม่ใช่จุดที่ทำให้ตัดสินใจเดินทางไปก็ได้” นฤชัยกล่าวเสริมว่า ดังนั้นปัจจัยต่างๆที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวมีอยู่หลายอย่าง ทั้งเรื่องวีซ่า เศรษฐกิจ จำนวนเที่ยวบิน นโยบายของประเทศนั้นๆ ที่ต้องบูรณาการอย่างเป็นระบบที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทย
อนาคตเชื่อมระบบแบล็คลิสต์ - วอตช์ลิสต์
ในอนาคตอันใกล้ ทางกรมการกงสุลจะเชื่อมโยงระบบข้อมูลกับหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างใกล้ชิดและเชื่อมโยงระบบบัญชีดำ หรือแบล็คลิสต์ของ ตม. และรายชื่อเฝ้าระวังบุคคล หรือวอตช์ลิสต์ของกรมการกงสุล รวมถึงในอนาคตจะมีการ ทำความตกลงเชื่อมโยงระบบข้อมูลกับประเทศจีน เพื่อให้ตรวจสอบได้ทั้งสองประเทศ ซึ่งจะช่วยได้มากในเรื่องการคัดกรองคนเข้าเมือง
ขณะนี้ระบบแบล็คลิสต์ของแต่ละประเทศไม่ได้เชื่อมโยงกัน ยกเว้นเป็นคดีอาญาซึ่งตำรวจสากลจะส่งรายชื่อแจ้งให้หน่วยงานความมั่นคง และ ตม.ของทุกประเทศให้รู้อยู่แล้ว (Red alert) ทั้งนี้ ถ้าเรามีแบล็คลิสต์ที่เชื่อมโยงกันก็จะช่วยยกระดับระบบคัดกรองให้เข้มงวดยิ่งขึ้นไปอีก
‘ชาวจีน’ ตื่นตัวไทยวีซ่าฟรี
เว็บไซต์ไชนาเดลีรายงานว่า หลังจากประเทศไทยมีนโยบายยกเว้นวีซ่า(วีซ่า-ฟรี)แก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 30 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 – 29 ก.พ. 2567
ข่าวนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีในประเทศจีน ชาวจีนค้นหาและสอบถามข้อมูลล้นทุกแพลตฟอร์ม
แพลตฟอร์มของทริปดอทคอมกรุ๊ป มีคนค้นหาข้อมูลทัวร์พุ่งขึ้น 800% ภายใน 30 นาทีหลังประกาศข่าว ส่วน Qunar อีกหนึ่งแพลตฟอร์มท่องเที่ยว การค้นหาตั๋วเครื่องบินมาประเทศไทยเพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในสัปดาห์ก่อน การค้นหาที่พักในไทยเพิ่มขึ้นเช่นกันเป็นสองเท่า
กระตุ้นหยุดยาวไหว้พระจันทร์ - วันชาติจีน
“โครงการนี้มาถูกจังหวะในช่วงวันหยุดยาวของชาวจีนสองช่วงคือเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติต้นเดือน ต.ค.รวม 8 วัน และตรุษจีนปลายเดือน ม.ค. การยกเว้นวีซ่าจะกระตุ้นให้ชาวจีนไปเที่ยวไทยเป็นจำนวนมากในช่วงห้าเดือนนี้” นายซู เสี่ยวเหลย ประธานเจ้าหน้าที่แบรนด์ (ซีบีโอ) บริษัทซีวายทีเอสทัวร์ในกรุงปักกิ่งกล่าวและว่า นโยบายยกเว้นวีซ่าโดยปกติเป็นเครื่องมือที่สะดวกและได้ผลที่สุดในการดึงดูดนักเดินทางและกระตุ้นการบริโภค
“ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาบางประเทศและบางภูมิภาคติดกับ ปรากฏการณ์หงส์ดำ (สิ่งที่ไม่คาดว่าจะเกิดแต่ก็เกิด) การยกเว้นวีซ่าจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักเดินทางชาวจีนต่อการท่องเที่ยวไทย” นายซูเสริม
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่า การยกเว้นวีซ่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 700,000 คน ที่ผ่านมาชาวจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็นราว 3% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่มาเยือนไทย ถือเป็นสัดส่วนใหญ่สุดในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวต่างประเทศ ไตรมาสแรกของปีนี้นักท่องเที่ยวจีนติดอันดับท็อปไฟว์ ควบคู่กับมาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย
รัฐบาลไทยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะทะลุเป้า 5 ล้านคนในปีนี้ ใช้จ่าย 4.46 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม เป้านี้ยังไม่ถึงครึ่งที่นักท่องเที่ยวจีนเคยมาเยือนไทยในปี 2562 ก่อนระบาดโควิด-19
นับถึงปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยเดือนละราว 350,000-400,000 คน ยอดรวมภายในเดือน ส.ค. ทะลุ 2.1 ล้านคนแล้ว
นายวรุฒ กาญจนพัฒนาคณะกรรมการบริหารและเหรัญญิกกิตติมศักดิ์ สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญตัวหนึ่งที่ขัดขวางนักท่องเที่ยวจีนมาไทยคือกังวลเรื่องความปลอดภัย
“โครงการวีซ่าฟรีจะเป็นตัวส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยได้อย่างแน่นอน แต่จะยังได้ผลไม่เต็มที่ถ้าชาวจีนยังรับรู้ภาพประเทศไทยในเชิงลบ” นายวรุฒย้ำ
‘ไทย’ ติดท็อปต้นๆ ประเทศยอดนิยมของจีน
ไชนาเดลีระบุ หลายสิบปีที่ผ่านมาประเทศไทยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักเดินทางชาวจีน และเป็นประเทศแรกๆ ที่ต้อนรับกรุ๊ปทัวร์จีนหลังรัฐบาลปักกิ่งยกเลิกมาตรการคุมโควิดราว เดือน ก.พ.
ด้านทริปดอทคอมกรุ๊ปกล่าวเสริมว่า วันชาติจีนที่จะมาถึงนี้ระหว่างวันที่ 29 ก.ย.-6 ต.ค. ชาวจีนจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมากที่สุด ติดท็อปทรีของผู้ใช้ทริปดอทคอม
นางสาวฟาน ตงเสี่ยว ผู้ดูแลทริประยะสั้นของบริษัทท่องเที่ยว Tuniu มองว่าว่า ชาวจีนจากเมืองเทียร์ 2 และเทียร์ 3 จะมาเที่ยวไทยมากขึ้นหลังมีนโยบายยกเว้นวีซ่า
“ยอดจองทัวร์สำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติพุ่งขึ้นอยู่แล้ว ยิ่งมีนโยบายยกเว้นวีซ่ายิ่งทำให้คนอยากไปเที่ยวไทยมากขึ้นอีก” เจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ให้ข้อมูล
'คาซัคสถาน' อีกหนึ่งประเทศศักยภาพ
คาซัคสถานเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่ารอบนี้ หลังจากคนไทยเดินทางเข้าคาซัคสถานได้ 30 วันโดยไม่ต้องใช้วีซ่าอยู่แล้ว คาซัคสถานเป็นประเทศแลนด์ล็อกใหญ่สุดของโลก และเป็นหนึ่งในสองประเทศแลนด์ล็อกที่มีพื้นที่ครอบคลุมสองทวีป (อีกประเทศคืออาเซอร์ไบจัน) เศรษฐกิจใหญ่สุดในเอเชียกลาง ปี 2565 เศรษฐกิจขยายตัว 3.2% ประชากร 19.5 ล้านคน
นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสินกล่าวว่า นักท่องเที่ยวคาซัคมาเยือนไทยมากขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัยในไม่กี่เดือนนี้เนื่องจากฤดูหนาวในประเทศคาซัคสถานรุนแรงมาก