บริษัทสิงคโปร์ 'สายมู' แห่ปรึกษาหมอดูก่อนรับคน
การจะหาใครสักคนที่สมบูรณ์แบบที่่สุดมาทำงาน ไม่ได้ดูแค่ประสบการณ์และเรซูเม นายจ้างบางคนในสิงคโปร์มองว่าวันเดือนปีเกิดของผู้สมัครก็สำคัญมาก
ซีอีโอคนหนึ่งเผยกับเว็บไซต์ซีเอ็นบีซีว่า การตัดสินว่าผู้สมัครเหมาะสมกับบริษัทหรือไม่ เขาต้องปรึกษา “ซินแสฮวงจุ้ย”
“ถ้าซินแสทำนายไม่ดี พวกเขาอาจต้องคิดหนัก” เบเนดิกต์ อดีตพนักงานที่เคยอยู่ในทีมหาคนของบริษัทการตลาดแห่งหนึ่งให้ข้อมูล เขาไม่เปิดเผยชื่อจริงเพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว เนื่องจากหลักการจ้างงานสิงคโปร์ยึดหลักคุณธรรม
ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ของการอ่านดวงชะตาและนิสัยใจคอตามวันเดือนปีเกิด เป็นส่วนหนึ่งของการดูดวงเพื่อทำนายอนาคตและเกณฑ์ชะตาผู้คน เช่นเดียวกับไพ่ทาโรต์และการดูลายมือ
จากข้อมูลของเบเนดิกต์ การปรึกษาหมอดูก่อนช่วยลดจำนวนผู้ได้รับการพิจารณาในตำแหน่งนั้นๆ ได้
“ถ้าซินแสฮวงจุ้ยดูวันเดือนปีเกิดแล้วบอกว่าไม่ดี ก็ตัดคนนั้นออกไปเลย ไม่ต้องนัดสัมภาษณ์”
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจ้างใครดี ฝากเงินไว้ที่ไหน เมื่อใดสมควรแต่งงาน ผู้คนในสิงคโปร์หันไปปรึกษาหมอดูมากขึ้นทุกที
สถิติล่าสุดจากกรมสถิติสิงคโปร์ชี้ว่า ธุรกิจหมอดูเติบโตต่อเนื่องจากปี 2560 ถึง 2564 จำนวนหมอดูในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 32.6% รายได้รวมเพิ่มขึ้นเกือบ 70% มาอยู่ที่ 76.2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
จะจ้างใครดี
มาร์ค ตัน ซีอีโอเวย์ฮวงจุ้ยกรุ๊ป เล่าว่า แต่ละปีมีบริษัทราว 100 แห่งใช้บริการปรึกษาเรื่องว่าจ้างพนักงาน
“บริษัทอาจส่งปาจื่อ (แผนผังพลังชี่) ของผู้สมัครมาให้ผม แล้วถามว่าคนนี้เหมาะกับตำแหน่งที่จะว่าจ้างหรือไม่” ปาจื่อหมายถึงชุดอักขระ 8 ตัว แสดงวันเดือนปีเกิดบุคคลลงไปถึงเวลาเกิด
อย่างไรก็ตาม ตันกล่าวว่า หลังได้รับคำทำนายแล้วบริษัทยังต้องตัดสินใจด้วยตนเองว่าผู้สมัครรายนั้นเหมาะสมหรือไม่
“ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ก็ต้องทำหน้าที่ของพวกเขา แต่พวกเราเป็นจุดหนึ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อพวกเขาตัดสินใจว่าจ้างใครสักคน โดยเฉพาะในตำแหน่งสำคัญระดับบริหาร หรือตำแหน่งที่สำคัญมากๆ แล้วบริษัทไม่แน่ใจ หรือบริษัทชัวร์มากแล้วแค่ต้องการดูว่ามีจุดบอดอะไรให้ต้องระวัง” ตันอธิบาย
ควรลงทุนที่ไหน
บริษัทสิงคโปร์บางแห่งหันไปปรึกษาหมอดูก่อนตัดสินใจทำธุรกิจด้วย
จิง ผู้ทำงานในบริษัทผลิตเหล็กเล่าว่า นอกจากปรึกษาเรื่องจ้างคนแล้ว บริษัทของเธอยังถามหมอดูเรื่องโอกาสการลงทุนในโรงงานใหม่ด้วย แต่การปรึกษาแบบนี้มักทำคู่กับงานวิจัยของตนเอง
“โดยปกติเป็นการตัดสินใจเรื่องภายในจากตัวเลข เมื่อตัดสินใจแล้วค่อยไปปรึกษาซินแสฮวงจุ้ยว่าเวลาเหมาะสมหรือไม่” จิงเล่าต่อ
ซินแสจะพิจารณาเรื่องเกณฑ์มาตรฐาน เช่น ระดับความสูงของที่ดิน รอบๆ มีโครงสร้างไม่พึงประสงค์ อาทิ ห้องไฟฟ้าหรืออื่นๆ หรือไม่
“เมื่อพวกเขาเห็นชอบ เราก็เดินหน้าทำโครงการ เป็นการเพิ่มระดับความเชื่อมั่นให้ครอบคลุมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลดโอกาสความผิดพลาด” จิงกล่าวและว่าฮวงจุ้ยไม่เคยทำให้บริษัทผิดหวังเลย
ฉันจะรวยได้อย่างไร
คนที่อยากมั่งคั่งก็อาจมาปรึกษาว่าเมื่อไหร่เงินทองจะไหลมาเช่นกัน
“คำถามที่ถามกันมากที่สุดคือ ‘เมื่อไหร่ฉันจะรวย ทำไมฉันไม่รวย’” เชส วู หุ้นส่วนบริษัทฮวงจุ้ย “โฮเซกิ” กล่าว ส่วนใหญ่เป็นเพราะกลยุทธ์การลงทุนของพวกเขาผิด
“และทำไมกลยุทธ์การลงทุนของพวกเขาถึงผิด ก็เพราะความจริงที่ว่าพวกเขาอยากรวยเร็ว จากแผนผังวันเกิด บางคนมีธาตุความมั่งคั่งเป็นลบ”
จากปากคำของวู ลูกค้าราว 60% ถามว่าจะรวยได้อย่างไร ส่วนใหญ่เป็นชาวสิงคโปร์อายุระหว่าง 35-45 ปี หลายคนเป็นพนักงานขาย เช่น ตัวแทนขายประกันเข้ามาขอคำปรึกษาถึงวิธีเพิ่มยอดขาย
“เราสอนพวกเขาเรื่องศาสตร์ของตัวเลข และเทคนิคการดูโหงวเฮ้งบางอย่าง เพื่อให้พวกเขาชี้ปัญหาของลูกค้าได้ คนที่มีเลข 6ในแผนผังมาก ส่วนใหญ่มักเป็นคนสนใจตนเอง คุณไปบอกเขาว่าแผนประกันนั้นมีประโยชน์กับลูกหลานไม่ได้หรอก เขาไม่สนใจ” วูยกตัวอย่าง และว่าแต่ละวันเขาดูดวงให้ลูกค้าระหว่าง 4-12 คน
เมื่อใดควรแต่งงาน
นอกเหนือจากเรื่องความร่ำรวยและธุรกิจ บ่อยครั้งที่ชาวสิงคโปร์ไปหาหมอดูด้วยเรื่องส่วนตัว เช่น ขอคำแนะนำเกี่ยวกับชีวิตรักหรือผลการสอบ
ตันจากเวย์ฮวงจุ้ยกรุ๊ปต้องคิดหนักเมื่อแม่บางคนมาปรึกษาว่าผลสอบของลูกจะดีหรือไม่
“อีกเทรนด์ที่เพิ่มมากขึ้นทุกทีคือคนหนุ่มสาวมาขอให้ตั้งชื่อลูก หรือขอฤกษ์แต่งงาน”
ตัวอย่างเช่นโจนาทาน ลก ปรึกษาซินแสฮวงจุ้ยก่อนเลือกวันที่ 27 ม.ค. เป็นวันแต่งงาน
“เราต้องการแค่ให้เป็นวันเสาร์และต้องก่อนวันตรุษจีน 2567 ที่ซินแสบอกว่าเป็นปีชงสำหรับผม (ปีจอ) ซึ่งถ้าพลาดไปเท่ากับว่า ผมต้องเลื่อนการแต่งงานไปอีกปี” ว่าที่เจ้าบ่าววัย 29 ปี เผยถึงความเป็นมาเป็นไป
ส่วนคนอื่นๆ ใช้หมอดูวัดโอกาสแห่งความรัก ตันเล่าว่า คนในวัย 20 เศษๆ “โดยเฉพาะผู้หญิงสนใจอยากรู้มากว่าพวกเธอสามารถมีลูกได้หรือไม่ หรือจะได้แต่งงานเมื่อไหร่ ยิ่งตอนไม่มีใครและเลยช่วงอายุหนึ่งมาแล้วก็เริ่มกังวลเล็กน้อย พวกเธออยากรู้ว่าควรหวังจะมีครอบครัวอีกหรือไม่”
ท้ายที่สุดแล้ว การดูดวงเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการตัดสินใจของใครหลายคน แต่ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย อย่างกรณีของลก
“ผมยังมองว่าการดูดวงเป็นเรื่องสนุกดีที่ได้รู้ แต่ไม่ได้ทำตามที่หมอดูบอกทุกอย่าง”