หุ้น'เอเวอร์แกรนด์' พุ่ง 42% หลังกลับมาซื้อขายในตลาดฮ่องกงอีกครั้ง
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานวันนี้ (3 ต.ค.) ว่า หุ้นบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว ได้กลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงอีกครั้งในวันนี้
"การซื้อขายหุ้นไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป จะกลับมาดำเนินการอีกครั้งในเวลา 9.00 น. ของวันนี้" แถลงการณ์บนเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ระบุ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หุ้นไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป พุ่งขึ้นถึง 42% ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่บริษัทในเครืออย่าง เอเวอร์แกรนด์ พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส กรุ๊ป ก็พุ่งขึ้นเกือบ 14% เช่นกัน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เอเวอร์แกรนด์กล่าวเมื่อวานนี้ (2 ต.ค.) ว่า ได้ยื่นเรื่องต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเพื่อขอให้เปิดดำเนินการซื้อขายหุ้นเอเวอร์แกรนด์ในตลาดหุ้นอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อวันพฤหัสที่แล้ว (28 ก.ย.) ตลาดหุ้นฮ่องกงประกาศระงับการซื้อขายหุ้นบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ พร้อมด้วยบริษัทในเครือ
ในวันที่ 28 ก.ย.นั้นเอง ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปเปิดเผยในเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งต่อทางบริษัทว่า นายหุย กาหยั่น ประธานบริษัท ตกอยู่ภายใต้มาตรการบังคับ สืบเนื่องจาก "เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา" อย่างไรก็ตาม ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ประบุว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการที่บังคับใช้กับนายหุย หรือรายละเอียดเกี่ยวกับคดีที่นายหุยตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ด้านหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล (WSJ) รายงานเมื่อวานนี้ว่า นายหุย กาหยั่น กำลังถูกสอบสวนหลังต้องสงสัยว่าโอนย้ายสินทรัพย์ไปยังต่างประเทศ ในขณะที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หนี้ท่วมแห่งนี้ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อทำโครงการพัฒนาบ้านที่ค้างอยู่ให้เสร็จสมบูรณ์
ด้วยหนี้สินมูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เอเวอร์แกรนด์กลายเป็นศูนย์กลางของวิกฤตหนี้สินในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจจีน
ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์มีกำหนดการไต่สวนในศาลในวันที่ 30 ต.ค.ที่ศาลฮ่องกงในคำร้องขอปิดกิจการ ซึ่งอาจนำไปสู่การขายสินทรัพย์และปิดกิจการ (Liquidation)