‘สงคราม’ ความสูญเสีย
ขึ้นชื่อว่า ‘สงคราม’ ไม่เคยส่งผลดีต่อใคร มีแต่ความสูญเสีย คราบน้ำตา บาดแผลที่ไม่สามารถมีสิ่งใดเยียวยาให้จางหายไปจากจิตใจและความทรงจำ
ช่วงเช้าวันเสาร์ (7 ต.ค.) ใครจะรู้ว่าโลกตกอยู่ในภาวะสงครามที่รุนแรงอีกครั้ง เมื่อกลุ่มฮามาสกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์ ที่ปกครองฉนวนกาซามาอย่างยาวนาน เปิดฉากการโจมตีครั้งใหญ่ใส่ อิสราเอล ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ
การโจมตีเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากกลุ่มฮามาสยิงจรวดจำนวนมากจากฉนวนกาซาไปยังฝั่งอิสราเอล และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังวันครบรอบ 50 ปี ของการทำสงครามระหว่างอาหรับและอิสราเอล
ฮามาสเป็นกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์ที่เคร่งศาสนาอิสลาม ปกครองฉนวนกาซามายาวนาน กลุ่มฮามาสสาบานว่าจะทำลายล้างอิสราเอล และทำสงครามกับอิสราเอลหลายครั้ง
นับตั้งแต่เข้ายึดครองฉนวนกาซาเมื่อปี 2007 ในระหว่างการสู้รบ กลุ่มฮามาสได้ยิงหรืออนุญาตให้กลุ่มอื่นๆ ยิงจรวดหลายพันลูกใส่อิสราเอล และเปิดฉากโจมตีอิสราเอลรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง
ขณะที่อิสราเอล ก็โจมตีทางอากาศใส่กลุ่มฮามาสอยู่หลายครั้งเช่นกัน รวมถึงยังร่วมกับอียิปต์ปิดล้อมฉนวนกาซาตั้งแต่ปี 2007 โดยระบุว่าเป็นไปเพื่อรักษาความปลอดภัย
นักวิเคราะห์ต่างมองว่า การโจมตีครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย สงครามระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮามาส เป็นผลของนโยบายทางทหารที่ล้มเหลวตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ทั้งมองว่าการโจมตีครั้งนี้ นับเป็นความขัดแย้งโดยตรงครั้งใหญ่ที่สุดภายในดินแดนอิสราเอล นับตั้งแต่การก่อตั้งประเทศอิสราเอล และยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
ที่สำคัญการโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่จากผู้นำกลุ่มฮามาสครั้งนี้ สเกลการโจมตีนับได้ว่าเทียบเคียงได้กับเหตุการณ์ 9/11 เลยทีเดียว
ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก กับสงครามครั้งนี้ เพราะมีกลุ่มคนไทยไปทำงานที่อิสราเอลเกือบ 30,000 คนและ ส่วนหนึ่งต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศไทยรายงานว่า มีคนไทยอยากกลับบ้านกว่าพันคน
ทางรัฐบาลเตรียมแผนอพยพคนไทยไว้หลายช่องทาง กลุ่มแรกที่จะพากลับก่อน คือ กลุ่มผู้บาดเจ็บซึ่งออกมาจากพื้นที่เสี่ยงเรียบร้อยแล้ว คนไทยกลุ่มแรก 15 คน จะออกเดินทางจากอิสราเอลวันที่ 11 ต.ค.และถึงไทยวันที่ 12 ต.ค. ด้วยเที่ยวบินพาณิชย์ 1 เที่ยว
อย่างไรก็ดี ยังมีคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องระมัดระวังในแผนการดำเนินงานเพื่อพยายามนำตัวคนไทยกลับมาบ้านให้ได้อย่างปลอดภัย
ขึ้นชื่อว่า ‘สงคราม’ ไม่เคยส่งผลดีต่อใคร มีแต่ความสูญเสีย คราบน้ำตา บาดแผลที่ไม่สามารถมีสิ่งใดเยียวยาให้จางหายไปจากจิตใจและความทรงจำ
หลายประเทศได้รับผลกระทบจากสงครามครั้งนี้ ประเทศไทยก็สูญเสียแรงงานไทยจากเหตุการณ์นี้นับ 10 คน เป็นความสูญเสียที่ไม่อาจตีมูลค่าใดๆ ได้เมื่อเทียบกับชีวิตของคน 1 คนที่สูญสลายไปโดยไม่รู้เรื่องราวความขัดแย้งของใครทั้งสิ้น พวกเขาแค่ไปทำงานตามวิถีทางของตัวเองเท่านั้น สงครามไม่เคยให้ความยุติธรรมกับใคร มีแต่ความโหดร้าย และความสูญเสีย...ที่ไม่อาจประเมินค่าได้