อานิสงส์ 'เงินเยนอ่อน' ต่างชาติแห่ช้อปปิ้งญี่ปุ่น แซงช่วงก่อนโควิดแล้ว

บลูมเบิร์กรายงานอ้างการเปิดเผยของสำนักงานการท่องเที่ยวญี่ปุ่นว่า ยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างเดือน ก.ค.-ก.ย. ที่ผ่านมา พุ่งแซงหน้าช่วงเดียวกันของปี 2562 หรือช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 ไปเรียบร้อยแล้ว 
โดยมากกว่าถึง 17.7% หรืออยู่ที่ 1.39 ล้านล้านเยน (ราว 3.35 แสนล้านบาท) 

ขณะที่สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติของญี่ปุ่น (JNTO) เปิดเผยด้วยว่า ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีจำนวนถึง 96% แล้วเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดในช่วงก่อนโควิด

รายงานระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนมากที่สุดราว 20% ในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้จ่ายในช่วงไตรมาส 3 รองลงมาคือไต้หวัน 25% เกาหลีใต้ 14% และสหรัฐ 10% ในขณะที่ยอดการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังแซงหน้าช่วงก่อนโควิดระบาดถึง 29%

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่คึกคักยังมีขึ้นท่ามกลางภาวะค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงหนัก โดยค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเฉลี่ยอยู่ที่ 144.61 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 3 และมีบางช่วงที่อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 11 เดือน ก่อนจะหลุดระดับ 150 เยนต่อดอลลาร์เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ในขณะที่ค่าเงินเยนโดยเฉลี่ยของไตรมาส 3 ปี 2562 นั้นอยู่ที่ 107.34 เยนต่อดอลลาร์ 

อย่างไรก็ดี ยูอิจิ โคดามะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันวิจัยเมจิยาสึดะ กล่าวว่า ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นก็จริง แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นตัวนำเข้าเงินเฟ้อและส่งผลกระทบต่อครัวเรือนญี่ปุ่นโดยตรงด้วย ดังนั้นในเชิงการเมืองแล้ว รัฐบาลจึงอาจต้องเข้ามาช่วยพยุงภาคครัวเรือนหลังจากนี้   

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดในเดือน ก.ย. อยู่ที่ราว 2.8 ล้านคน หรือมากกว่าช่วงก่อนโควิดประมาณ 1 แสนคน ในจำนวนนี้เป็นชาวจีนมากที่สุด 3.256 แสนคน แต่ก็ยังน้อยลง 11% เมื่อเทียบเดือนหน้า และจำนวนดังกล่าวยังเป็นสัดส่วนเพียง 40% เท่านั้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิดเมื่อ 4 ปีก่อน ท่ามกลางความตึงเครียดกรณีที่จีนประท้วงการปล่อยน้ำเสียลงทะเลจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ 
 
ทางด้านหนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานผลสำรวจว่า บรรดาบริษัทค้าปลีกในญี่ปุ่นต่างคาดว่าจะประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ได้สูงสุดทุบสถิติใหม่ จากการใช้จ่ายที่คึกคักในประเทศ 

ในขณะที่นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ คาดหวังว่าการใช้จ่ายในประเทศจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 5 ล้านล้านเยน (ราว 1.21 ล้านล้านบาท) ในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะทุบสถิติเดิม 4.8 ล้านล้านเยน ที่เคยทำไว้เมื่อ 4 ปีก่อน