ผู้นำอาหรับกดดัน'อิสราเอล'เลิกโจมตีกาซา

ผู้นำอาหรับ กดดัน อิสราเอล ยุติโจมตี ฉนวนกาซา ผู้นำจากชาติอาหรับและผู้แทนอีกหลายชาติจากหลายภูมิภาค ซึ่งรวมถึง ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย จีน เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเพื่อสันติภาพ ที่กรุงไคโรของอียิปต์เมื่อวันเสาร์(21ต.ค.) โดยมีเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และผู้แทนจากสหภาพยุโรป(อียู)เข้าร่วมด้วย แต่เนื่องจากไม่มีตัวแทนจากอิสราเอล และไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุม ทำลายความหวังเกี่ยวกับผลสำเร็จของการประชุม

ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิซี ของอียิปต์ เรียกร้องให้ผู้นำบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการจัดทำโรดแมปเพื่อยุติความหายนะด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา หลังถูกโจมตีทางอากาศจากอิสราเอลมานานกว่า 2 สัปดาห์ และรื้อฟื้นแผนสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ โดยมีเป้าหมายในการจัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง การหยุดยิง และการเจรจาที่นำไปสู่แนวทาง 2 รัฐ

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเอล-ซิซี และสมเด็จพระราชาธิบดีอัลดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล โดยเอล-ซิซี คัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ละทิ้งถิ่นฐานกลายเป็นผู้พลัดถิ่น และย้ายพวกเขาเข้าไปอยู่ในคาบสมุทรไซนายของอียิปต์ นอกจากนี้กษัตริย์แห่งจอร์แดน บอกว่า การบังคับให้พลัดถิ่นเป็นอาชญากรรมสงคราม

ขณะที่ประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาสของปาเลสไตน์ ยืนยันว่า ชาวปาเลสไตน์จะไม่ยอมรับความพยายามใด ๆ ที่จะทำให้ชาวปาเลสไตน์ต้องทิ้งถิ่นฐานออกไปจากฉนวนกาซา, เยรูซาเลม หรือ เวสต์แบงก์ และจะไม่ยอมไปไหน โดยจะยืนหยัดอยู่ในดินแดนของปาเลสไตน์ต่อไปอย่างแน่วแน่ ไม่ว่าจะเผชิญความท้าทายอะไร
 

ชาติอาหรับ กลัวว่า การสู้รบในขณะนี้อาจทำให้ประชาชนในฉนวนกาซาต้องพลัดถิ่นและละทิ้งบ้านเรือนไปอย่างถาวร โดยอาจต้องอพยพไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เหมือนสมัยที่ชาวปาเลสไตน์ต้องหนีหรือถูกบังคับให้ออกจากบ้านเรือนในช่วงสงครามปี 2491 หลังการสถาปนารัฐอิสราเอล

ขณะที่หน่วยงานของสหประชาชาติ ประเมินว่า มีชาวปาเลสไตน์พลัดถิ่นภายในฉนวนกาซาเกือบ 1.6 ล้านคนแล้ว นับจากอิสราเอลเริ่มการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาเพื่อตอบโต้ที่ฮามาสบุกสังหารชาวอิสราเอลในวันที่ 7 ต.ค.