หุ้นเทสลาร่วง 5% หวั่นดีมานด์ซบ หลังพานาโซนิคลดผลิตแบตเตอรี่ EV
หุ้นเทสลาร่วงลงเกือบ 5% เมื่อวันจันทร์ (30 ต.ค.) หลังข่าวว่า พานาโซนิคลดการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในประเทศญี่ปุ่นช่วงไตรมาส 3 นักลงทุนหวั่น อุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้าลดน้อยลง โดยเฉพาะรถอีวีราคาแพงที่ไม่เข้าเกณฑ์ลดภาษีจากสหรัฐ
หุ้นเทสลา อิงค์ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐร่วงลงเกือบ 5% เมื่อวันจันทร์ (30 ต.ค.) หลังมีรายงานว่า พานาโซนิคซึ่งเป็นหุ้นส่วนเก่าแก่และซัพพลายเออร์ของเทสลา ได้ลดการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในประเทศญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 3 (ก.ค.–ก.ย.) ของปีนี้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การที่พานาโซนิคลดการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ ทำให้นักลงทุนกังวลว่า อุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้าลดน้อยลง โดยเฉพาะรถอีวีราคาแพงที่อาจไม่เข้าเกณฑ์ลดหย่อนภาษีหรือมาตรการจูงใจอื่น ๆ จากโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลทั้งในและนอกสหรัฐ โดยเซลล์แบตเตอรี่ของพานาโซนิคถูกใช้ในรถอีวีรุ่นเก่าของเทสลา และรุ่นที่มีราคาสูงของเทสลา เช่น รถเอสยูวี Model X และรถซีดาน Model S
ในการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสาม ของเทสลาเมื่อวันที่ 18 ต.ค. อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เทสลาได้เตือนกลุ่มผู้ถือหุ้นว่า อัตราดอกเบี้ยได้สร้างแรงกดดันต่อเทสลาในการตรึงราคารถยนต์อีวี และอาจกระทบต่อศักยภาพของผู้บริโภคในการซื้อหรือเช่าซื้อรถอีวีของทางบริษัทในอนาคต
นอกจากนี้ มัสก์ได้ออกมากล่าวหลายครั้งว่า เทสลากำลังเผชิญปัญหาที่สำคัญหลายประการในการเริ่มเดินสายการผลิตรถไซเบอร์ทรัก (Cybertruck) โดยไซเบอร์ทรักเป็นรถที่เทสลาประกาศเปิดตัวต่อสาธารณชนมานานแล้ว
ทั้งนี้ หุ้นเทสลาร่วงลงกว่า 18% แล้วนับตั้งแต่รายงานผลประกอบการไตรมาสสามนี้ โดยออร์เท็กซ์ (Ortex) ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินในกรุงลอนดอนระบุว่า กลุ่มขายชอร์ตหุ้นเทสลาสามารถทำเงินได้ 3,000 ล้านดอลลาร์ จนถึงช่วงปิดตลาดวันศุกร์ที่ 27 ต.ค. ขณะที่มูลค่าการขายทำกำไรระยะสั้นสกุลดอลลาร์สำหรับหุ้นเทสลาอยู่ที่ประมาณ 18,080 ล้านดอลลาร์ส หรือ 3.21% ณ วันที่ 27 ต.ค.