‘เอลนีโญ’ส่อลากยาวถึงเมษาฯ หน้าเป็นอย่างน้อย
ยูเอ็นคาดปรากฏการณ์เอล นีโญ ที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นจะอยู่ถึงเดือน เม.ย.2567 เป็นอย่างน้อย
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติ (WMO) แถลงว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญในปัจจุบัน ซึ่งพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างเดือน ก.ค.-ส.ค.ปีนี้ มีแนวโน้มถึงจุดสูงสุดตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงเดือน ม.ค.
“มีความเป็นไปได้ 90% ที่จะอยู่ไปตลาดฤดูหนาวที่กำลังมาถึงในซีกโลกเหนือและฤดูร้อนที่กำลังมาถึงในซีกโลกใต้” คาดว่าจะอยู่ไปถึงเดือน เม.ย.เป็นอย่างน้อย
เอลนีโญเป็นสภาพอากาศที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ปกติเกี่ยวข้องกับความร้อนเพิ่มขึ้นทั่วโลก เกิดภัยแล้งในบางพื้นที่และฝนตกหนักในที่อื่นๆ
ปรากฏการณ์ทางอากาศแบบนี้ปกติเกิดขึ้นทุกๆ สองถึงเจ็ดปี และมักทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น แต่แม้ผลกระทบจากเอลนีโญจะรู้สึกได้ในปี 2567 WMO ย้ำว่า ปรากฏการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นจากบริบทการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรวดเร็ว
ปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่บันทึกได้คือปี 2559 หลังจากเอลนีโญก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงไม่เคยมีมาก่อน “แต่ปีนี้กำลังจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ไปแล้ว ผลจากอุณหภูมิที่สูงและผิวน้ำทะเลสูงสุดทุบสถิติตั้งแต่เดือน มิ.ย.” เพตเทอรี ทาลาส ผู้อำนวยการ WMO ระบุในแถลงการณ์พร้อมเตือนว่า “ปีหน้าอาจร้อนกว่านี้ ชัดเจนมากเนื่องมาจากความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์เพิ่มมากขึ้น
สภาพอากาศรุนแรงอย่างคลื่นความร้อน ภัยแล้ง ไฟป่า ฝนตกหนัก และน้ำท่วมจะรุนแรงขึ้นในบางภูมิภาคและส่งผลกระทบสำคัญ”พร้อมย้ำถึงความสำคัญของระบบเตือนภัยอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ เอลนีโญเกิดขึ้นครั้งล่าสุดในปี 2561-2562 ตามด้วยลานีญา อากาศเย็นแบบตรงข้ามกับเอลนีโญ ซึ่งยุติลงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน การคาดการณ์ผลกระทบเอลนีโญล่าสุดบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้สูงที่เส้นศูนย์สูตรแปซิฟิกกลาง-ตะวันออกยังคงร้อนต่อเนื่องไปจนถึงเดือน เม.ย.ปีหน้า อุณหภูมิผิวน้ำทะเลของมหาสมุทรส่วนใหญ่สูงเกินระดับปกติเช่นเดียวกับอุณหภูมิเหนือผืนดินส่วนใหญ่