'อินโดนีเซีย' คว้าดีล 'เอ็กซอนโมบิล' ลงทุนล็อตใหญ่ 5 แสนล้านบาท
อินโดนีเซียเผยเอ็กซอนโมบิลเตรียมเข้ามาลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังประธานาธิบดีโจโกวีพบซีอีโอเอ็กซอน ระหว่างไปร่วมประชุมเอเปคที่สหรัฐ
ทำเนียบประธานาธิบดีอินโดนีเซียเปิดเผยถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโจโก วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย ในวันนี้ (16 พ.ย.) ว่า บริษัทเอ็กซอนโมบิลซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันจากสหรัฐ กำลังวางแผนที่จะทุ่มเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ วิโดโดได้พบปะหารือกับนายดาร์เรน วูดส์ ประธานบริษัทเอ็กซอนโมบิล ระหว่างที่เดินทางเยือนนครซานฟรานซิสโก สหรัฐ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เอ็กซอนวางแผนลงทุนในโครงการด้านปิโตรเคมี และการสร้างโรงงานดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ในอินโดนีเซีย โดยโรงงานดังกล่าวจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ก่อนหน้านี้ในปี 2563 เอ็กซอนโมบิลได้ตัดสินใจ "ยกเลิก" แผนการที่จะลงทุนโรงงานปิโตรเคมีเทคโนโลยีชั้นสูง มูลค่า 330,000 ล้านบาท ที่อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้น ที่มีความผันผวนของราคาน้ำมันและสถานการณ์โควิด-19
หลังจากนั้นในเดือน ม.ค. 2566 เอ็กซอนโมบิลได้ประกาศขายหุ้นของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้กับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นมูลค่ากว่า 5.5 หมื่นล้านบาท ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นและค้าปลีกน้ำมันที่เป็นธุรกิจหลักของเอ็กซอนโมบิลในไทยเปลี่ยนมือไปเป็นของบางจาก โดยมีสินทรัพย์ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1.โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน 2.เครือข่ายคลังน้ำมัน 3.สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง