อธิการบดี ม.เพนซิลเวเนีย ลาออกแล้ว ถูกวิจารณ์ไม่ยอมประณามลัทธิต่อต้านยิว

มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ออกแถลงการณ์ว่า ลิซ แมจิลล์ อธิการบดีมหาวิทยาลัย เพนซิลวาเนีย ได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์จากจุดยืนของเธอต่อ ลัทธิต่อต้านชาวยิว (antisemitism) ที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ลิซ แมจิลล์ เป็น 1 ใน 3 อธิการบดีมหาวิทยาลัยระดับไอวีลีกที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากที่ทั้งสามให้การชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการของสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. เกี่ยวกับลัทธิต่อต้านชาวยิวที่มีเพิ่มขึ้นในมหาวิทยาลัย หลัง สงครามอิสราเอล-ฮามาส ปะทุขึ้นในเดือนต.ค.

สก็อตต์ บ็อก ประธานคณะกรรมการบริหารของมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย กล่าวเมื่อวันเสาร์ในแถลงการณ์ที่โพสต์บนเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยฯ ว่า แมจิลล์ตกลงที่จะอยู่ต่อจนกว่าจะมีการแต่งตั้งอธิการบดีชั่วคราว นอกจากนี้ บ็อกก็ได้ลาออกจากตำแหน่งด้วยเช่นกัน

"ผมเขียนมาเพื่อแจ้งให้ทราบว่า ท่านอธิการบดีลิซ แมจิลล์ ได้ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียโดยสมัครใจ" แถลงการณ์ระบุ โดยแมจิลล์จะยังคงมีสถานภาพเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฯ ต่อไป

เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. แมจิลล์, คลอดีน เกย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และแซลลี คอร์นบลูธ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ให้การต่อหน้าคณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ กรณีลัทธิต่อต้านชาวยิวที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย

อธิการบดีทั้งสามถูกตั้งคำถามโดยเอลีส สเตฟานิก ผู้แทนจากพรรครีพับลิกัน ว่าการเรียกร้องให้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวถือเป็นการละเมิดหลักจรรยาบรรณ (code of conduct) ของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งและการล่วงละเมิดหรือไม่ ซึ่งอธิการบดีทั้งสามปฏิเสธที่จะตอบ "ใช่" หรือ "ไม่" อย่างแน่ชัด

ท่าทีการตอบคำถามดังกล่าวส่งผลให้เกิดกระแสเรียกร้องให้แมจิลล์และเกย์ลาออกจากตำแหน่ง โดยแมจิลล์เผยแพร่คลิปวิดีโอแสดงความเสียใจเมื่อวันพุธ (6 ธ.ค.) ขณะที่อธิการบดีฮาวาร์ดก็ออกคลิปขอโทษแบบเดียวกันเมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.)

ทั้งนี้ นักศึกษา ครอบครัว และศิษย์เก่าชาวยิว กล่าวหามหาวิทยาลัยทั้งสามว่ายอมให้มีลัทธิต่อต้านชาวยิวเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถลงการณ์ของผู้ชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ นับตั้งแต่ที่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และคร่าชีวิตผู้คนไปราว 1,200 ราย การโจมตีดังกล่าวกระตุ้นให้อิสราเอลโต้กลับอย่างหนัก ซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้วกว่า 17,700 ราย ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซา