2567 ปีแห่งเทรนด์เที่ยวรอบโลก ชาวอเมริกันยก ‘เอเชีย’ จุดหมายปลายทางยอดฮิต
เปิดลิสต์จุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักชาวอเมริกัน พบ เมืองสำคัญใน “เอเชีย” ติดโผ (แต่ไม่มีไทย) และคาดว่ากระแส “Globetrotting” หรือการท่องเที่ยวรอบโลกจะมาแรงในปีนี้
Key Points
- การท่องเที่ยวไปต่างประเทศกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยยอดค้นหาเที่ยวบินต่างประเทศพุ่งขึ้น 13% จากปีต่อปี แม้ว่าตั๋วบินจะแพงขึ้น 10% ก็ตาม
- 5 เมืองฮิตด้านการท่องเที่ยวของคนอเมริกัน ได้แก่ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ กรุงไทเป กรุงโตเกียว และโอซากา
- กรุงสตอกโฮล์มของสวีเดน กรุงบูดาเปสต์ของฮังการี กรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์ และกรุงปรากของสาธารณรัฐเช็ก ติดอันดับ 7-10 ของจุดหมายการท่องเที่ยวสำหรับชาวอเมริกัน
“นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน” ถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของหลายประเทศ เนื่องจากใช้จ่ายหนักและมีอำนาจการซื้อสินค้าสูงเมื่อเทียบกับชาติอื่น โดยจุดหมายยอดนิยมของพวกเขา แต่เดิมอยู่ที่กรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร กรุงปารีสของฝรั่งเศส และกรุงโรมของอิตาลี
แต่ในปี 2567 ชาวอเมริกันมีแนวโน้มหันมาเที่ยวแถบ “เอเชีย” แทนยุโรปมากขึ้น โดย “Airbnb” ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจองที่พักชื่อดังระบุว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่งเทรนด์ “ท่องเที่ยวรอบโลก” หรือ “Globetrotting”
สตีฟ ฮาฟเนอร์ (Steve Hafner) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Kayak ผู้ให้บริการด้านการจองเที่ยวบินและที่พัก ให้ข้อมูลว่า การท่องเที่ยวไปต่างประเทศกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยยอดค้นหาเที่ยวบินต่างประเทศพุ่งขึ้น 13% จากปีต่อปี แม้ว่าตั๋วบินจะแพงขึ้น 10% ก็ตาม โดยสำนักข่าว CNBC รายงานว่า สถานที่เที่ยวสุดนิยมที่ชาวอเมริกันต้องการไปมากที่สุด มีดังนี้
- 1. “เอเชีย” กลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง
สำหรับชาวอเมริกัน “กรุงโตเกียว” ของญี่ปุ่น และ “กรุงโซล” ของเกาหลีใต้ กลายเป็นเมืองสุดฮิตในเอเชียที่ชาวอเมริกันต้องการไปมากที่สุด ตามข้อมูลของบริษัทแอปพลิเคชันด้านการท่องเที่ยวที่ชื่อ “Hopper”
- เจดีย์แดงชูเรโตะ จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิของญี่ปุ่น (เครดิต: Freepik) -
ส่วนบริษัทด้านการท่องเที่ยว Kayak ให้ข้อมูลว่า 5 เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวอเมริกัน ได้แก่ ฮ่องกง นครเซี่ยงไฮ้ กรุงไทเป กรุงโตเกียว และโอซากา โดยยอดการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ของชาวอเมริกัน ได้เพิ่มขึ้น 355% และ 216% จากปีต่อปีตามลำดับ
- นครเซี่ยงไฮ้ของจีน (เครดิต: Freepik) -
เมื่อมองไปที่ “ญี่ปุ่น” ประเทศนี้ยังเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวสัญชาติอื่น ๆ นอกเหนือจากชาวอเมริกัน โดยข้อมูลจาก Airbnb ระบุว่า เมืองโอซากา เกียวโต และกรุงโตเกียวติดเป้าหมายเมืองท่องเที่ยวใน 24 อันดับแรกของคนทั้งโลกด้วย
เหตุผลสำคัญเป็นเพราะว่า เงินเยนของญี่ปุ่นอยู่ในช่วงอ่อนค่า จนทำให้ราคาสินค้าและที่พักของญี่ปุ่นในสายตานักท่องเที่ยวมีราคาถูกลง จึงช่วยเพิ่มแรงจูงใจชาวต่างชาติในการไปท่องเที่ยว ซึ่งสำหรับญี่ปุ่น “กรุงโตเกียว” ยังคงเป็นเมืองยอดนิยมมากที่สุดของชาวอเมริกัน แม้ว่าค่าตั๋วเครื่องบินในปี 2567 ระหว่างสหรัฐไปแถบทวีปเอเชียจะอยู่ที่ 1,204 ดอลลาร์หรือราว 41,000 บาท ซึ่งแพงขึ้น 45% นับตั้งแต่ปี 2562 ก็ตาม จากข้อมูลของแอปฯ Hopper
นอกจากนั้น การที่เหล่าประเทศในแถบเอเชียอยู่ในกลุ่มที่เปิดประเทศช้าที่สุด เช่น จีน เมื่อกลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไปเยือนอีกครั้ง ความต้องการท่องเที่ยวที่อัดอั้นไว้ตั้งแต่ยุคโควิด-19 จึงปะทุออกมา
- 2. ยุโรป ศูนย์รวมศิลปะแบบเรเนซองส์
“ยุโรป” ยังถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของชาวอเมริกัน และศูนย์รวมศิลปะแบบเรเนซองส์ โดยบริษัท Kayak ระบุว่า กรุงสตอกโฮล์มของสวีเดน กรุงบูดาเปสต์ของฮังการี กรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์ และกรุงปรากของสาธารณรัฐเช็ก ติดอันดับ 7-10 ของจุดหมายการท่องเที่ยวสำหรับชาวอเมริกัน
ขณะที่กรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์กติดอันดับที่ 4 ส่วนกรุงปรากและกรุงเอดินบะระของสกอตแลนด์ ติดอันดับที่ 7 และ 8 ตามลำดับจากข้อมูลของ Hopper ปี 2567
- ท่าเรือนูฮาวน์ โคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก (เครดิต: Freepik) -
โซเฟีย มาร์โควิช (Sofia Markovich) ผู้ก่อตั้ง Sofia’s Travel ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว กล่าวว่า เหตุผลที่เมืองเหล่านี้เป็นที่นิยมมากขึ้น ก็เพราะเมืองยอดฮิตเดิมอย่างกรุงปารีส กรุงโรม กรุงลอนดอน และเมืองบาร์เซโลนาของสเปนแออัดไปด้วยนักท่องเที่ยว จึงทำให้ผู้คนหันมาหาเมืองที่แออัดน้อยกว่าแทน
นอกจากนี้ เมื่อฟินแลนด์กลายเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ในปี 2566 และกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 33 หรือในปี 2567 ก็จะจัดขึ้นที่กรุงปารีส จึงทำให้หลายเมืองในทวีปยุโรป กลายเป็นที่รู้จักในสายตาชาวอเมริกันมากขึ้น โดยจำนวนเที่ยวบินที่จองไปกรุงปารีสในช่วงการจัดแข่งกีฬาโอลิมปิกปี 2567 ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้ว่าค่าตั๋วเครื่องบินโดยเฉลี่ยจากสหรัฐไปยุโรปในปี 2567 จะแพงกว่าปีที่แล้ว 5% ก็ตาม
- 3. “เมืองหมู่เกาะ” แหล่งท่องเที่ยวทางเลือกใหม่
ถึงแม้ว่าเมืองแคนคูนในเม็กซิโก บริเวณหมู่เกาะทะเลแคริบเบียน จะเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตของคนอเมริกัน แต่พวกเขาพยายามมองหาทางเลือกใหม่ เช่น เกาะเตเนริเฟของสเปน เมืองฟุงชาลของหมู่เกาะมาเดราในโปรตุเกส กลายเป็นสถานที่ติดอันดับ 9 และ 10 ตามลำดับของทะเลยอดนิยมสำหรับคนอเมริกัน ตามข้อมูลจาก Hopper
- เกาะเตเนริเฟของสเปน (เครดิต: freeimages) -
ส่วนในลิสต์ของบริษัท Kayak ระบุว่า เมืองท่ามาลากาของสเปนติดอันดับ 6 และแคว้นอันดาลูซีอาของสเปน มีสภาพอากาศแบบแดดออกยาวนานถึง 300 วันใน 1 ปี จนกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของเหล่านักท่องเที่ยว อีกทั้งยอดค้นหาสถานที่ดังกล่าวก็เพิ่มขึ้น 60% จากปีต่อปี
- 4. “ลานสกีภูเขา” มนต์เสน่ห์หลักของแคนาดา
เมืองแวนคูเวอร์, คาลการี และมอนทรีออลในแคนาดา ติดอันดับ 3, 5 และ 6 ตามลำดับในด้านหมุดหมายการเล่นสกียอดฮิตของนักท่องเที่ยว ตามการจัดอันดับโดยบริษัท Hopper ในปี 2567 ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะเมื่อแคนาดาอยู่ใกล้กับอเมริกา จึงทำให้ค่าตั๋วเครื่องบินระหว่าง 2 ประเทศนี้ “ถูกกว่า” เมื่อเทียบกับการบินจากสหรัฐไปยุโรปหรือเอเชีย
อ้างอิง: cnbc