GM แชมป์ยอดขายรถสูงสุดในสหรัฐ ตลาดรถยนต์อเมริกา 2566 ฟื้นตัวแกร่ง
'จีเอ็ม' คว้าแชมป์ยอดขายรถยนต์สูงสุดในสหรัฐปี 2566 ปีที่ตลาดรถยนต์ดีที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 หลายบริษัทยอดขายโตขึ้น 2 หลัก
รอยเตอร์สและวอลสตรีทเจอร์นัลรายงานว่า ตลาดรถยนต์ในสหรัฐปี 2566 มียอดขายรวมทั้งหมด 15.5 ล้านคัน หรือขยายตัวขึ้น 12.4% เมื่อเทียบปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 13.9 ล้านคัน โดยในจำนวนนี้เป็นกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) รวมถึงปลั๊กอินไฮบริดเกือบ 17% ท่ามกลางยอดขายของหลายบริษัทที่เติบโตขึ้นแบบเลขสองหลัก
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งอีกครั้งของตลาดรถยนต์สหรัฐ หลังซบเซามา 3 ปีก่อนหน้านี้เพราะการระบาดของโควิด-19
จากข้อมูลของบริษัทวิจัย วอร์ดส์ อินเทลลิเจนซ์ ระบุว่า "เจนเนอรัล มอเตอร์ส" (จีเอ็ม) 1 ใน 3 ค่ายรถบิ๊กทรีของสหรัฐ ยังคงครองแชมป์ยอดขายรถสูงสุดในปีนี้ที่ 2.6 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 14%
ค่ายรถญี่ปุ่น "โตโยต้า มอเตอร์" ตามมาเป็นอันดับ 2 โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 6.6% เป็น 2.25 ล้านคัน นำโดยยอดขายในกลุ่มปลั๊กอินไฮบริด ในขณะที่ "อเมริกัน ฮอนด้า มอเตอร์" ตามมาในอันดับ 3 มียอดขายเพิ่มขึ้น 33%
ทางด้าน "สเตลแลนทิส" ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของไครสเลอร์ จี๊บ และแรม กลับสวนทางมียอดขายลดลง 1% ส่วน "ฟอร์ด" คาดว่าจะประกาศยอดขายรวมทั้งปีตามมาในวันนี้
ทั้งนี้ ยอดขายรถที่เพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐได้รับแรงกระตุ้นมาจากดีมานด์ที่คั่งค้างและการเข้าถึงตัวแทนจำหน่ายได้สะดวกมากขึ้น ในขณะที่ปัจจัยลบอย่างการประท้วงของสภาพแรงงานรถยนต์สหรัฐ (UAW) ที่นานต่อเนื่องถึง 6 สัปดาห์ ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนักต่อโมเมนตัมการเติบโตของตลาดและยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ตามที่มีการกังวลกันก่อนหน้านี้ แม้ว่าในส่วนของอีวีจะชะลอตัวลงจากปีที่แล้วก็ตาม
นอกจากนี้ยอดขายที่เพิ่มขึ้นยังสะท้อนด้วยว่า เศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือกับผลกระทบดอกเบี้ยขาขึ้นได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้ โดยสามารถรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามที่มีการคาดการณ์กันหน้านี้ได้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งยังคงเตือนว่า ต้นทุนดอกเบี้ยที่แพงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อรถในปี 2567 นี้