สองพี่น้องตระกูลจาง จากน้ำแข็งไสสู่ชาไข่มุกพันล้าน
การทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องลองผิดลองถูกมาหลายครั้งกว่าจะประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับสองพี่น้องเจ้าของแบรนด์ชานมไข่มุกชื่อดังจากจีน ที่วันนี้กำลังขึ้นแท่นอภิมหาเศรษฐีอีกราย
ตอนอายุได้เพียง 21 ปี จาง หงเฉาขอยืมเงินยายมาเปิดแผงขายน้ำแข็งไสเล็กๆ ในเมืองเจิ้งโจวทางภาคกลางของจีน ร้านไปได้ไม่ดีแต่สองปีต่อมาเขาพยายามอีกครั้งเปิดร้านน้ำแข็งไสแห่งที่ 2 คราวนี้ตั้งชื่อ Mixue Bingcheng (มี่เสวี่ยปิงเฉิง) แปลว่า “วังหิมะหวาน”
รอบนี้ธุรกิจไปได้สวยหลังจากเปลี่ยนมาขายไอศกรีมและต่อมาขายชาไข่มุก น้ำมะนาว และกาแฟในราคาถูกแสนถูก
ตามการประเมินของฟอร์บส ขณะนี้มี่เสวี่ยปิงเฉิง ที่มีสาขาราว 36,000 ร้านและเป็นผู้ผลิตชาไข่มุกใหญ่สุดในจีน กำลังจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จาง วัย 47 ปีในตอนนี้และหงฟู่ น้องชายวัย 39 ปี กำลังเป็นอภิมหาเศรษฐี(จาง หงเฉา)
มี่เสวี่ยยื่นขอเปิดขายหุ้นต่อสาธารณะในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันที่ 2 ม.ค. เผยให้เห็นรายละเอียดการเป็นเจ้าของบริษัทของสองพี่น้อง ปัจจุบันทั้งสองถือหุ้นคนละ 42.8% ฟอร์บสประเมินอย่างออมมือถึงมูลค่าของมี่เสวี่ยที่เก้าเดือนแรกของปี 2566 รายได้และกำไรสุทธิพุ่งขึ้น 46% และ 48% ตามลำดับมาอยู่ที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์และ 338 ล้านดอลลาร์ ตอนนี้มูลค่าบริษัทอยู่ที่ 2.9 พันล้านดอลลาร์ ทำให้สองพี่น้องตระกูลจางแต่ละคนมั่งคั่งสุทธิราว 1.2 พันล้านดอลลาร์
มี่เสวี่ยซึ่งมีสาขา 32,000 แห่งในจีน เกือบทั้งหมดเป็นร้านแฟรนไชส์ และอีก 4,000 แห่งใน 11 ประเทศส่วนใหญ่เป็นประเทศเอเชีย ไม่ได้ให้ความเห็นเรื่องมูลค่าบริษัทหรือความมั่งคั่งสุทธิของสองพี่น้อง
ข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนระบุว่า ช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2566 มี่เสวี่ยขายเครื่องดื่มได้ราว 5.8 พันล้านแก้วทั่วโลก เป็นผู้ค้าเครื่องดื่มชงสดรายใหญ่อันดับสองของโลกวัดจากจำนวนแก้ว เป็นรองเฉพาะสตาร์บัคส์เท่านั้น
บริษัทโดดเด่นในตลาดชาไข่มุกที่มีคู่แข่งมากมายด้วยราคาต่ำกว่ามาตรฐาน จนได้ฉายาว่า “พินตั่วตั่วแห่งชาไข่มุก” ตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซลดราคายอดนิยมของอภิมหาเศรษฐีโคลิน หวง (พินตั่วตั่วเปิดเตมู เว็บไซต์ชอปปิงออนไลน์ในสหรัฐเมื่อปี 2565) สินค้าของมี่เสวี่ย เช่น น้ำมะนาวชงสด, ไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ, ชาผลไม้ และกาแฟ ราคาระหว่าง 3 เซนต์ (พอๆ กับโค้กกระป๋องในจีน) ถึง 1 ดอลลาร์ เทียบกับราคา 3.80 ดอลลาร์ของนายูกิ ชนชานมไข่มุกชื่อดังของจีนอีกหนึ่งแบรนด์ที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกง
มี่เสวี่ยเคยบอกว่า สามารถคงราคาถูกไว้ได้เพราะมีซัพพลายเชนครอบคลุมทุกอย่าง (end to end)
ตั้งแต่การจัดซื้อและส่วนผสมไปจนถึงโลจิสติกส์, การวิจัยและพัฒนา และการควบคุมคุณภาพ รายได้และกำไรเกือบทั้งหมดของบริษัทมาจากการขายอุปกรณ์ เช่น เครื่องครัวและส่วนผสมอาหารให้กับผู้รับแฟรนไชส์
กว่าจะมาถึงวันนี้ หงเฉาเคยเป็นนักศึกษาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการเงินเหอหนาน (ตอนนี้รู้จักกันในชื่อมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และกฎหมายเหอหนาน) ในฤดูร้อนหนึ่งของปี 2540 เขาไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ซุ้มขายเครื่องดื่ม ระหว่างนั้นเกิดไอเดียสร้างเครื่องทำน้ำแข็งแฮนด์เมดเป็นของตนเอง และเปิดร้านขายน้ำแข็งไส สิ่งที่ผู้คนในซางจิวที่อยู่ใกล้เคียงนิยมมากแต่ไม่ดังในเจิ้งโจว
ตามข้อมูลของสื่อท้องถิ่น หงเฉาขอยืมเงิน 3,000 หยวนจากยายมาเปิดร้านน้ำแข็งไสโคลด์สแน็ป ก่อนจะมาเป็นมี่เสวี่ย
เขาเรียนรู้บทเรียนธุรกิจอย่างรวดเร็วตอนที่เขาต้องขายน้ำแข็งไสให้ได้ในฤดูหนาว บีบให้เขาต้องขายส้มแมนดารินไปด้วยเพื่อหารายได้เสริม แม้ธุรกิจต้องปิดตัวลงแต่เขาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในปี 2542 กับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น น้ำหวานและต่อมาขายไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟด้วย
ส่วนน้องชาย หงฟู่ ที่ตอนนี้รับตำแหน่งซีอีโอมี่เสวี่ย เข้าร่วมบริษัทในปี 2550 เพื่อปรับปฏิบัติการและการจัดการให้ได้มาตรฐาน (หงเฉาเป็นประธานบริษัท) ต่อมามี่เสวี่ยกลายเป็นตัวแบบความสำเร็จของแฟรนไชส์
ทุกวันนี้ 99.8% ของ 36,000 สาขา ดำเนินการโดยผู้รับแฟรนไชส์ 16,000 ราย ทำให้มี่เสวี่ยเป็นผู้ดำเนินการแฟรนไชส์ใหญ่สุดรายหนึ่งของโลก (มากกว่าร้านดังกิ้นสองเท่า และมากกว่าเบอร์เกอร์คิงส์เกือบสองเท่า)
มี่เสวี่ย ซึ่งมีสิทธิบัตรจีน 84 รายการและมีโรงงานเป็นของตนเอง ขายทุกอย่างตั้งแต่เครื่องครัวไปจนถึงส่วนผสม เช่น น้ำเชื่อม นม ชา กาแฟ และผลไม้ให้ผู้รับแฟรนไชส์
สองพี่น้องเดินหน้าสร้างนวัตกรรมตลอดมา โดยเปิดร้านกาแฟลัคกีคัพร้านแรกในปี 2560 ปัจจุบันมี 2,900 สาขา ส่งแฟรนไชส์มี่เสวี่ยไปกรุงฮานอย เวียดนามในปี 2561 ถึงวันนี้มีสาขาในแคนาดา อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ด้วย ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบริษัทเปิดตัวมาสคอตยอดนิยม “สโนว์คิง” แล้วเริ่มส่งวีดิโอและคลิปเสียงสโนว์คิงเข้ามาในร้านค้า
เพลง“I Love You, You Love Me, Mixue Ice Cream & Tea” ที่มีรูปสโนว์คิงเรียกยอดวิววบน
Bilibili หรือยูทูบจีนได้กว่า 24 ล้านวิว นอกจากนี้สโนว์คิงยังแสดงในซีรีส์การ์ตูนเรื่องหนึ่ง และเป็นดาวเด่นในเทศกาลดนตรีไอศกรีมของบริษัท
สองพี่น้องตระกูลจางคือนักธุรกิจรายล่าสุดที่สร้างความมั่งคั่งมาจากชาไข่มุก ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นมิลเลนเนียลและเจนแซดในเอเชียและสหรัฐ อภิมหาเศรษฐีชาไข่มุกคนอื่นๆ เช่น หวัง เสี่ยวคุน ผู้ก่อตั้งและประธานชาแพนด้า, เผิง ซินและจ้าว หลิน คู่สามีภรรยาแห่งนายูกิคู่แข่งมี่เสวี่ย ทั้งคู่กลายเป็นอภิมหาเศรษฐีหลังจากนายูกิจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 2564 แต่หลุดตำแหน่งไปหลังราคาหุ้นร่วงลง 80% เพราะปัญหาความปลอดภัยด้านอาหาร